นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวกรณีที่ กกต. ออกประกาศแนวทางจัดการเลือกตั้งในพื้นที่ 7 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบเหตุการณ์สู้รบ ระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนยังมีความไม่สงบ ดังนั้น กกต.ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถจัดการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.69 ได้อย่างเรียบร้อย เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร
"แม้เราจะเตรียมความพร้อมในส่วนของเจ้าหน้าที่กกต. และเครือข่ายไปแล้ว ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และพรรคการเมืองด้วย ว่าหากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ เราจะเดินไปด้วยกันอย่างไร เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย" เลขาธิการ กกต. ระบุทั้งนี้ การออกประกาศหรือระเบียบ จะเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งการติดป้ายประกาศหาเสียง, การทำหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน ส่วนของรูปแบบการเลือกตั้งนั้น กฎหมายให้ทำได้หลายวิธีการ เช่น
- พื้นที่สีขาว เป็นพื้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุสู้รบ ก็เลือกตั้งไปตามปกติ
- พื้นที่สีเหลือง เป็นพื้นที่ที่มีผู้อพยพแต่มีจำนวนไม่มาก ก็อาจจะตั้งหน่วยเลือกตั้งใหม่ นอกหน่วยเลือกตั้งเดิม แต่อยู่ในเขตเลือกตั้งนั้น ซึ่งประชาชนเดินทางสะดวก
- พื้นที่สีแดง เป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ซึ่งหากไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ ก็จะใช้อำนาจตาม มาตรา 102 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. เลื่อนการลงคะแนนเฉพาะหน่วยเลือกตั้งนั้น เหมือนกรณีที่เลื่อนเพราะเกิดพายุ อุทกภัย แบบนี้ก็จะทำให้การเลือกตั้งเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร และไม่กระทบใคร
"แต่ถ้าประชาชนอยู่นอกพื้นที่ มากกว่า 75% ก็อาจจะต้องรณรงค์ให้ประชาชนลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า แล้วออกมาใช้สิทธิในวันนั้น ซึ่งทั้งหมดเราทำตามกฎหมาย และกฎหมายให้ช่องทางให้หมดแล้ว เพียงแต่ว่าเราจะเลือกรูปแบบไหน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์" นายแสวง กล่าวอย่างไรก็ดี ต้องขอประเมินสถานการณ์จากในวันที่ 11 ม.ค. 69 ซึ่งจะมีการเลือกตั้งนายก และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ก่อน เนื่องจากมีถึง 51 อบต. ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดน
"เรายืนยันวันเลือกตั้งว่าเป็นวันที่ 8 ก.พ.69 อยู่แล้ว แต่ถ้าวันนั้น มีพายุ มีเหตุจำเป็น หรือมีเหตุปะทะในพื้นที่ไหน หน่วยไหนจนเลือกตั้งไม่ได้ ก็ให้เลื่อนการลงคะแนนของหน่วยเลือกตั้งนั้น" นายแสวง กล่าวส่วนคนที่ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าไปแล้ว แต่จะต้องออกเสียงประชามติในวันที่ 8 ก.พ.69 จะสามารถยกเลิกได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นการเพิ่มภาระกับประชาชนต้องออกมาใช้สิทธิ 2 วัน นายแสวง กล่าวว่า มีระเบียบให้ยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงการลงทะเบียนได้ โดยให้ทำก่อนภายใน 30 วัน คือในช่วงที่มีการเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.68 - 5 ม.ค.69
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดแนวทางดำเนินการการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในเขตเลือกตั้งในจังหวัดจันทบุรี ตราด บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สระแก้ว สุรินทร์ และอุบลราชธานี ที่มีสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา และกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569
1.การปิดประกาศ หรือระเบียบตามที่กฎหมายกำหนด เมื่อได้ปิดประกาศ ณ ที่เลือกตั้ง หรือบริเวณใกล้เคียงกับที่เลือกตั้ง หรือสถานที่ที่ประชาชนสะดวกในการตรวจสอบแล้ว ให้ดำเนินการประกาศ ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบหรือวิธีการอื่นใดที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวกด้วย หากไม่สามารถปิดประกาศ ณ ที่เลือกตั้งหรือบริเวณใกล้เคียงกับที่เลือกตั้ง หรือสถานที่ที่ประชาชนสะดวก ในการตรวจสอบได้ ให้ถือว่าการประกาศในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบหรือวิธีการอื่นใด เป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
2.กรณีจัดส่งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งในทะเบียนบ้านพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ไปยังเจ้าบ้านในเบื้องต้น ให้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด หากไม่สามารถจัดส่งได้ ให้รายงานให้กกต.ทราบและให้เก็บรักษาเอกสารดังกล่าวไว้ในที่ปลอดภัยจนกว่าสถานการณ์จะสิ้นสุดลง แล้วจึงจัดส่ง เอกสารดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
3.จัดให้มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่อยู่ในศูนย์อพยพลงทะเบียน ขอใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลางนอกเขตเลือกตั้ง ภายในระยะเวลา ตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง กำหนดวัน และเวลายื่นคำขอลงทะเบียนใช้สิทธิออกเสียง ลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง โดยขอความร่วมมือให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนน ก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลางนอกเขตเลือกตั้งที่มีความปลอดภัยและอยู่ใกล้เคียงกับเขตเลือกตั้ง ที่เกิดสถานการณ์ความไม่สงบ และในวันออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งให้ประสานหน่วยงานของรัฐ จัดพาหนะรับส่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลาง นอกเขตเลือกตั้งดังกล่าวด้วย
4.การจัดหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้งที่อยู่ในเขตเลือกตั้ง หากยังมีสถานการณ์ความไม่สงบ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งพิจารณาเปลี่ยนแปลงเขตของหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้ง ที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งและเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งสามารถเดินทางได้สะดวกและปลอดภัย โดยหน่วยเลือกตั้ง และที่เลือกตั้งดังกล่าวต้องอยู่ในเขตเลือกตั้ง ตามมาตรา 30 วรรคสาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561และที่แก้ไขเพิ่มเติม
5.ภายใน 7วัน นับแต่วันเลือกตั้ง ให้ประสานนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น จัดให้มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือผู้มีสิทธิเลือกตั้งในศูนย์อพยพที่ไม่ได้ ไปใช้สิทธิเลือกตั้งลงทะเบียนแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งด้วย