น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่คิดเรื่องการลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบกรณีที่ไม่สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ตามที่มีรายงานข่าวระบุออกมาก่อนหน้านี้ โดยตนเองขอจะทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุดให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเลือกเข้ามาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี
"ดิฉันขอทำหน้าที่ของตนเองให้เต็มที่ให้ดีที่สุดเพื่อพี่น้องประชาชน และทำให้พี่น้องประชาชนทุกๆ พื้นที่เหมือนกัน เป็นคนไทยเหมือนกัน ไม่มีการแบ่งค่าย ไม่มีการแบ่งสี" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
ส่วนกรณีนักวิชาการออกมาเคลื่อนไหวเตรียมฟ้องร้องเอาผิดรัฐบาลที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้และปกปิดข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงกับประชาชนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ทุกคนให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนซึ่งประสบอุทกภัยอยู่ในขณะนี้ด้วย
สำหรับปัญหาการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับ กทม.เร่งลงพื้นที่ไปสำรวจข้อมูล ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง เพราะมีหลักเกณฑ์บางอย่างที่มีความแตกต่างจากต่างจังหวัด ซึ่งจะเร่งเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ด้านมาตรการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางชันและลาดกระบังนั้น พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมแต่ละแห่งมีมาตรการป้องกันดูแลอยู่แล้ว อีกทั้งได้สั่งการให้ทางกองทัพและกระทรวงคมนาคมเข้าไปเสริมแนวคันกั้นน้ำ เชื่อว่าจะสามารถป้องกันไม่ให้ถูกน้ำท่วมได้
นอกจากนี้ ปัญหาการระบายน้ำของ กทม.นั้นจะต้องตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องสูบน้ำว่ายังสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ และมีปริมาณเพียงพอหรือไม่ โดยจะระดมเครื่องสูบน้ำจากจังหวัดที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายมาเสริม รวมถึงให้กระทรวงมหาดไทยไปช่วยขุดลอกคูคลองและกำจัดขยะตกค้างที่เป็นอุปสรรคกีดขวางต่อการระบายน้ำลงทะเลด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ตนเองร้องไห้นั้นไม่ใช่แสดงออกถึงความอ่อนแอ แต่เกิดจากการมีอารมณ์ร่วมทุกข์กับประชาชนที่ต้องเผชิญกับอุทกภัย และพร้อมรับมือเกมการเมืองภายหลังน้ำลด แม้การก้าวเข้าสู่การเมืองไม่ได้มาเพื่อต่อสู้ในเกมการเมืองแต่มาทำงานให้ประชาชน พร้อมเรียกร้องให้ฝ่ายค้านร่วมมือทำงานเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนสู่ประเทศ
"ตรงนี้ไม่ได้เรียกว่าน้ำตาไหลเพราะร้องที่มาจากความอ่อนแอ ถ้าดิฉันอ่อนแอคงไม่มานั่งหรือยืนอยู่ตรงนี้ คงถอดใจไปนานแล้ว ประชาชนให้ความหวังและเลือกเรามา แล้วมาเจอปัญหาแค่นี้แล้วถอดใจก็คงไม่ใช่ ชาวบ้านด่าตายแน่ ยืนยันว่าที่ร้องไห้นั้นไม่ใช่ความอ่อนแอ ใครไม่เจอกับตัวคงไม่รู้ มันเป็นอารมณ์ร่วมเมื่อเห็นประชาชนเป็นทุกข์ก็ทนไม่ได้" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวระหว่างตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยในศูนย์พักพิง รร.ประชานิเวศน์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำงานในขณะนี้ไม่ใช่เป็นการสู้ในเกมการเมือง แต่เป็นการทำงานให้ประชาชน อีกทั้งภัยธรรมชาติเป็นเรื่องยากแต่เราต้องแก้ปัญหา เหตุการณ์น้ำท่วมเกิดมานาน 3-4 เดือน รัฐบาลนี้เข้ามาก็เจอแจ็คพ็อตพอดี เชื่อว่าประชาชนในแต่ละพื้นที่รู้ว่ารัฐบาลทำงานอย่างไรคงจะเข้าใจ เราทำงานให้กับประชาชนทุกคน ไม่เลือกพื้นที่ ไม่แบ่งภาค ไม่แบ่งสี เราจะพิสูจน์การทำหน้าที่ของเราด้วยความอดทน
"เรื่องเกมการเมืองนั้นไม่รู้ แต่ยิ่งลักษณ์เข้ามาไม่ได้เล่นเกมการเมือง มาเพื่อแสดงความจริงใจ และหวังว่าประเทศไทยจะมีความจริงใจ" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินดีที่จะทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งในวันที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เดินทางไปที่ ศปภ.ดอนเมือง ยังเดินไปเชิญให้เข้ามาพูดคุยกัน วันนี้ไม่มีทิฐิซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะอย่างไรเราจะทำงานให้ประชาชนใน กทม.ก็ไม่เคยเลือกเขต เรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำแม้มีอำนาจอยู่ในมือเราก็ไม่สามารถเอามือไปเปิด-ปิดประตูน้ำเองได้ ต้องทำงานร่วมกันหลายๆฝ่าย และแม้จะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่ใช่ว่าจะรู้เรื่องน้ำได้ดีทุกอย่าง ทั้งนี้ไม่ได้ถูกทอดทิ้งหรือทำงานเพียงลำพังคนเดียวแต่มีคนช่วยไม่เช่นนั้นคงแก้ไม่ได้มาถึงขนาดนี้
"วันนี้ทำไมเราไม่มาช่วยกันสร้างความมั่นใจให้กับต่างชาติว่าเราทำและแก้ปัญหาได้ เรากำลังฝ่าวิกฤติภัยธรรมชาติ ดังนั้นวันนี้ถ้าเราไม่ช่วยกันทำและแก้ปัญหาสุดท้ายประเทศชาติจะแย่ ต่างชาติก็จะไม่เชื่อมั่น ดังนั้นการที่เราต้องเข้าไปช่วยฟื้นฟูและสร้างความเชื่อมั่นให้กับบรรดานิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบในตอนนี้ วงจรเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นที่จะย้อนกลับมาสู่ประเทศไทยนั้นมีมูลค่ามากมายมหาศาล เหมือนนโยบายรถคันแรกของรัฐบาลที่ไม่ได้ใช้เงินมากมายอะไร เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะได้รับกลับคืนมา" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว