นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงมีความชัดเจนจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 โดยแนวทางจะมีการเสนอให้แก้ไขมาตรา 291 เพื่อเป็นช่องทางตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และหลังจากนั้น ส.ส.ร.จะต้องดำเนินการและทำประชามติหลังจากที่ได้ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลได้แสดงจุดยืนเรื่องรัฐธรรมนูญชัดเจน
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจะเป็นผู้ขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ทันทีโดยความชอบธรรมจากการตัดสินใจของประชาชนในวันเลือกตั้งทั่วไป 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนฝ่ายประชาชนก็มีเสรีภาพในการเข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อสภาผู้แทนราษฎร
"หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งด้วยจุดยืนที่ผ่านมา และประชาชนตอบรับถึงเวลาจะแก้รัฐธรรมนูญแล้วกลับไปถามประชาชนอีกก็เป็นเรื่องที่ประหลาดและเป็นเรื่องที่ยากจะทำความเข้าใจกับประชาชนได้"นายณัฐวุฒิ กล่าว
ดังนั้น ขั้นตอนประชามติถามว่าแก้หรือไม่แก้ก่อนร่างรัฐธรรมนูญไม่มีความจำเป็น แต่ถ้าร่างเสร็จแล้วทำประชามติก็จำเป็น เมื่อเริ่มกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีส.ส.ร. มีร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสิ้น ถึงจะมีการทำประชามติให้รัฐธรรมนูญบังคับใช้หากประชาชนเห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญ การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ใช่สร้างเงื่อนไขขัดแย้งทางการเมืองแต่อย่างใด เพราะความขัดแย้งทางการเมืองยังดำรงอยู่และฝ่ายที่พยายามสร้างเงื่อนไขไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลแต่เป็นฝ่ายตรงข้ามที่จะโค่นล้มรัฐบาลมาตลอด คนกลุ่มนี้พยายามสร้างเงื่อนไขทุกเหตุการณ์เพื่อให้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ความขัดแย้ง ดังนั้นฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะรัฐสภาจะเข้าไปแก้เพียงมาตรา 291เท่านั้นส่วนเนื้อหาอื่นมาตรา1 ถึงมาตรา309 เป็นเรื่องของส.ส.ร.จะพิจารณา
สำหรับเงื่อนเวลาเหมาะสมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่าคือต้นปีหลายฝ่ายคงดำเนินการ เพราะฝ่ายประชาชนก็รวบรวมรายชื่อเข้ามา ส่วนฝ่ายสภาก็ต้นปีจะเริ่มดำเนินการ ส่วนจะเริ่มเมื่อใดคงต้องรอดู คิดว่าคงไม่ช้าช่วงต้นปี2555 จะได้เห็นความชัดเจน
ส่วนการแก้ไขมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ว่า กรณีนี้อยู่คนละประเด็นที่เรากำลังพูดถึงคือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเดินหน้า ส่วนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พรรคเพื่อไทยได้แสดงท่าทีชัดเจนว่ายังไม่มีแนวคิดจะดำเนินการเรื่องนี้ ส่วนจะมีกลุ่มบุคคลเคลื่อนไหวแสดงความเห็นเรียกร้องก็เป็นเรื่องสังคมจะสดับตรับฟัง เพราะบ้านเมืองนี้จะอยู่กันได้โดยเสรีภาพทุกคนทุกฝ่าย เมื่อมีเสียงทักท้วงมาจากเหตุผลหลักการแต่การรับฟังจำเป็นเพื่อจะทำให้บรรยากาศความตึงเครียดของสังคมคลี่คลาย