(เพิ่มเติม) "พนิตา"ยื่นนายกฯ ขอให้ถอนมติ ครม.โยกย้ายไม่เป็นธรรม-ร้อง ก.พ.ค.

ข่าวการเมือง Thursday March 15, 2012 17:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ในเวลา 15.00 น.วันนี้ จะเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้เพิกถอนมติครม.กรณีโยกย้ายตนเองไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และจะรอฟังผลถึงวันที่ 20 มี.ค. หากยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ จะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) และจะยื่นฟ้องนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พม. ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วย

ทั้งนี้ นางพนิตา ได้กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวว่า มีข้อสังเกตว่าการโยกย้ายครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงเจตนาพิเศษ เพราะหลังจากที่นายสันติมีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา และครม.มีมติโยกย้ายเมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ยังไม่เห็นหนังสือคำสั่งดังกล่าว

สำหรับวันนี้ขอชี้แจงเพียงเรื่องที่มีคำสั่งสอบสวนทางวินัยว่าเกิดขึ้นเมื่อปี 50-51 ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ได้แจ้งผลการดำเนินการเกี่ยวกับการจ่ายเงินของกรมประชาสงเคราะห์ ซึ่งก็คือกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการในปัจจุบัน ประเภทเงินนอกงบประมาณ โดยหนังสือของ สตง.ได้แจ้งถึงนายอิสสระ สมชัย รมว.พม.ในขณะนั้นให้ดำเนินการทางวินัยกับปลัดกระทรวงฯขณะนั้น และตนในฐานะอธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ และผู้เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายและเรียกคืนเงินเป็นจำนวน 32 ล้าทบาท

กระทั่งวันที่ 21 มิ.ย.2553 นายอิสสระ ได้มีหนังสือตอบโดยเห็นว่าการดำเนินการของกรมฯไม่ขัดกับระเบียบ และได้พิจารณากลั่นกรองเป็นอย่างดี เพราะได้เพิ่มพูนทักษะความรู้ความสามารถให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี

ต่อมา สตง.ได้มีหนังสือลับลงวันที่ 25 ส.ค.2554 ซึ่งนายสันติ ที่เป็นรมว.พม. คนปัจจุบัน เพื่อยืนยันข้อทักท้วงในการเรียกเงินคืนคลัง และลงโทษทางวินัย โดยให้ดำเนินการส่งหนังสือตอบกลับภายใน 60 วัน ตนเองจึงทำหนังสือไปถึงนายสันติ เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2554 ก่อนจะครบกำหนด 60 วัน

ขณะเดียวกัน บังเอิญได้ทราบว่านายสันติได้มีหนังสือไปถึง สตง.เพื่อขอให้ขยายเวลาการชี้แจงออกไปอีก 60 วัน ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 2 ก.พ.2555 ทั้งที่ไม่ได้รับทราบหนังสือขอขยายเวลาดังกล่าวเลย แต่ได้ทำหนังสือชี้แจงไปถึงนายสันติ อีกครั้งพร้อมกับแนบข้อมูลเพิ่มเติม โดยทำก่อนครบกำหนด 60 วัน เพื่อให้นายสันติ ลงนามก่อนส่งให้ สตง. แต่จนถึงขณะนี้หนังสือดังกล่าวก็ส่งไม่ถึง สตง.

ดังนั้น เกรงว่าจะเสียสิทธิของตัวเองที่ถูกกล่าวหา จึงทำหนังสือชี้แจงกับสตง.โดยตรง เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2555 และทราบเป็นการภายในจาก สตง.ถึงเรื่องนี้ว่าคำชี้แจงมีเหตุผลรับฟังได้ ก็จะยุติเรื่อง ซึ่งตามธรรมเนียมของสตง.เมื่อเรื่องไม่มีมูล ก็จะเงียบหายไปเอง ตนก็ไม่ได้ติดตามเพื่อความสบายใจ

สำหรับการดำเนินการจากนี้ไป เดิมคิดว่าถ้าจบเรื่องนี้แล้วตนจะลาออก แต่เมื่อเห็นทุกคนมาให้กำลังใจ และขอให้ตนอยู่คู่กับกระทรวงนี้ต่อไป ตนจึงจะสู้ต่อไปโดยจะอยู่จนเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.56

นางพนิตา กล่าวว่า ได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้เพิกถอนมติครม.ดังกล่าว และให้ยกเลิกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย เพราะเป็นการสอบผิดคน แต่ถ้าการประชุม ครม.ในวันที่ 20 มี.ค.นี้ ยังไม่มีการถอนมติดังกล่าว จะไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.) อีกทั้งจะฟ้องร้องนายสันติในข้อหาหมิ่นประมาท เพราะให้ข้อมูลด้านลบที่ให้ร้ายต่อตนและครอบครัว รวมถึงยังแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย

"ถ้าครั้งนี้ต่อสู้ไม่สำเร็จ ก็ต้องยอมให้กับกลุ่มผู้มีอำนาจต่อไปเรื่อยๆแล้วข้าราชการจะมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร นอกจากนี้ตนต้องปกป้องศักดิ์ศรีของผู้หญิงไม่ให้ถูกรังแก และเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง ทั้งนี้ไม่ว่าผลการต่อสู้จะออกมาเป็นอย่างไร ตนก็จะไม่ชำระแค้นใครทั้งสิ้น แต่เพื่อแสดงข้อเท็จจริงให้ปรากฏ และเป็นการปกป้องศักดิ์ศรีเกียรติยศ ซึ่งตลอดชีวิตการศึกษาของตนไม่เคยทุจริตการสอบ ทุกอย่างได้มาจากความสามารถ กระทำทุกอย่างบนความถูกต้องและจุดยืน แม้ตนจะตกวิชาเลขก็ตาม และตนไม่ต้องปลอมวุฒิการศึกษา"นางพนิตา กล่าว

ส่วนกรณีการสร้างตึกใหม่ของกระทรวงฯ นางพนิตา ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด เนื่องจากเป็นเรื่องภายในหน่วยงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ