นายกฯย้ำสร้างปรองดอง ให้สภาหาทางออกดีที่สุด แนะทุกฝ่ายเสียสละ-สามัคคี

ข่าวการเมือง Saturday March 24, 2012 10:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" ว่า แนวทางการสร้างความปรองดอง เห็นว่า ต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกคน มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการในสภา เพื่อได้ถกกันอย่างกว้างขวางในระดับกรรมาธิการอย่างเต็มที่เพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะฝ่ายนิติบัญญัติถือเป็นตัวแทนภาคประชาชนอย่างแท้จริง

ส่วนแนวทางการสร้างความปรองดอง โดยมีประเด็นให้เพิกถอนผลทางกฎหมายของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) นั้น เห็นว่าการวางเป้าหมาร่วมกันเพื่อสร้างความปรองดองให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ต้องสร้างความสามัคคี มีหลักยึดร่วมกัน หากมองแต่ทางออกคงไม่สามารถมีข้อสรุปได้ ดังนั้นต้องยึดความเสมอภาคเท่าเทียมกัน เป็นประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด ซึ่งการหาทางออกให้ประเทศต้องมีการให้อภัยซึ่งเชื่อว่าทุกคนพร้อมสนับสนุน แต่ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ตามหลักประชาธิปไตย ทั้งนี้การแก้ปัญหาอยู่ที่พลังและใจของทุกคน ในการหาทางออกเพื่อแก้ปัญหาโดยใช้สภาหาทางออก ข้อกฎหมายที่ยังไม่ตัดสินก็ไม่เข้าไปแก้ไข การหาทางออกโดยไม่ได้เปลี่ยนจุดยืน ประเทศก็หาทางออกไม่ได้ ดังนั้นทุกฝ่ายต้องเสียสละร่วมกัน จับมือกันเพื่อให้ประเทศมีทางออก เพราะทุกวันนี้มองเพียงปัญหาแต่ไม่ได้มองทางออกในการแก้ไข

"ส่วนตัวมองว่าฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติต้องแยกออกจากกัน การสร้างความปรองดองควรเปิดโอกาสให้ฝ่ายนิติบัญญัติได้สรุปกันเต็มที่ รับฟังทุกคนว่ามีความคิดเห็นอย่างไร และใช้สภามองหาทางออกให้ประเทศ...ไม่อยากเห็นการถกเถียงบนท้องถนน แต่อยากให้ใช้เวลาอย่างถูกท้อง และเวทีสภาจะให้ทางออกเกิดขึ้นได้จริง หากถกเถียงกันอยู่อย่างนี้ก็สูญเสียเปล่า " นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าว

ส่วนประเด็นการเยียวยาผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง โดยนำภาษีประชาชนไปใช้โดยไม่รอให้ผลการค้นหาความจริงแล้วเสร็จก่อน และนำไปเปรียบเทียบกับการเยียวยาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เหมือนกับมองว่าไก่กับไข่ ใครเกิดก่อนกัน ทั้งนี้การเยียวยาผู้ที่สูญเสียจากการชุมนุมไม่ได้มองว่าใครถูกผิด แต่ถือเป็นการเยียวยาจิตใจ ซึ่งเมื่อผู้สูญเสียได้รับการเยียวยาแล้ว จะมีความพร้อมในการหาทางออก

สำหรับความสัมพันธ์กับกองทัพ ที่ผ่านมาได้มีการให้เกียรติกันและกัน ไม่มีการก้าวก่ายการทำงาน และทำงานโดยยึดประโยชน์ต่อประเทศชาติ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการประเมินการทำงานว่า ตนเองคงไม่สามารถการทำงานเองได้ แต่ขึ้นอยู่กับการประเมินผลจากประชาชน แตที่ผ่านมาได้มีการนำผลโพลล์และข้อคิดเห็นต่างๆไปปรับปรุงการทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนโดยตลอด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ