เครือข่ายต้านคอรัปชั่นจับตาโครงการแก้น้ำท่วม ตั้งหน่วยเฝ้าระวัง-ดึงปชช.ร่วม

นายต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยภายหลังการสัมมนาโต๊ะกลมเรื่อง "เฝ้าระวังโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วม" ที่จัดโดยภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นว่า ผลการวิจัยของภาคีเครือข่ายต้านคอร์รัปชั่น พบว่า งานก่อสร้างไม่ควรใช้วิธีการประกวดราคาผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ทั้งที่ความจริงการประมูลงานแบบ e-Auction ควรจะช่วยประหยัดเงินได้ 7% แต่กลับประหยัดได้เพียง 1% เท่านั้น หากแก้ปัญหานี้ได้จะช่วยประหยัดเงินได้อีกอย่างน้อย 50,000-100,000 ล้านบาท จากงบประมาณก่อสร้างของภาครัฐที่ประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท

ด้านนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานภาคีเครือข่ายต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า จะตั้งหน่วยงานพิเศษร่วมในการเฝ้าระวังการทุจริตในโครงการน้ำท่วมวงเงินรวม 350,000 ล้านบาท ร่วมกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) โดยจะเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ และผลักดันให้รัฐบาลดำเนินโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส

นอกจากนี้จะเสนอต่อรัฐบาลให้มีคนนอกหรือคนกลางที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพ เช่น วิศวกรโยธา เข้าร่วมกำหนดราคากลางและตรวจรับงาน ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้รับงานและผลักดันให้เปิดเผยราคากลางต่อสาธารณชน เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐมีความโปร่งใส

ด้านนางรสนา โตสิตระกูล ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา กล่าวว่า ข้อมูลในการยื่นของบประมาณในโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วม 350,000 ล้านบาท มีรายละเอียดเพียง 20 บรรทัดเท่านั้น และบางโครงการก็ใช้คำกว้าง จึงเป็นห่วงว่าบางโครงการที่เสนอขอใช้งบมานั้นอาจไม่เกี่ยวกับโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน