ผลสำรวจของธนาคารเนชันแนล แบงก์ ออฟ กรีซ (NBG) คาดว่า ชาวกรีซจะสูญเสียรายได้ปัจจุบันต่อหัวประมาณ 55% และเศรษฐกิจกรีซจะถดถอยลงกว่า 22% หากกรีซออกจากยูโรโซน
ในการประเมินผลกระทบของกรณีดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารระบุถึงภาพรวมที่ซบเซาของกรีซในรายงานพิเศษเกี่ยวกับ “วิกฤตขั้นรุนแรง"
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอัตราการว่างงานมีโอกาสที่จะพุ่งสูงขึ้นแตะ 34% และอัตราเงินเฟ้ออาจสูงถึง 30% “เนื่องจากราคาสินค้านำเข้าที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากอาจจะลบล้างผลดีใดๆจากการปรับลดค่าเงิน"
หลังจากที่มีการผลักดันนโยบายรัดเข็มขัดมานาน 2 ปี เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตหนี้รุนแรงที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2552 ซึ่งสร้างความเสี่ยงที่กรีซจะผิดนัดชำระหนี้อย่างไม่เป็นระบบ คาดว่าชาวกรีซได้สูญเสียรายได้ไปแล้วเฉลี่ยราว 25%
เศรษฐกิจกรีซถดถอยลง 14 % ตั้งแต่ปี 2552-2555 อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 2% และอัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่เกินกว่า 20%
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ปรากฎขึ้นต่างๆ แม้ว่ากรีซได้ดำเนินความพยายามที่ยากลำบากจนถึงขณะนี้ แต่กรีซอาจล้มละลายและถอนตัวจากกลุ่มยูโรโซนในท้ายที่สุด นักวิเคราะห์จาก NBG คาดว่า สกุลเงินใหม่ใดๆของกรีซจะถูกลดค่าลง 65%
เจ้าหน้าที่กรีซ เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศที่ให้เงินสนับสนุนช่วยเหลือกรีซหลายพันล้านยูโรตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2553 เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ได้ปฏิเสธแนวคิดที่กรีซจะออกจากกลุ่มประเทศยูโรโซน เพราะเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อระบบการเงินของยูโรโซนและระบบการเงินระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ความไม่มั่นคงทางการเมือง นอกเหนือจากปัญหาการคลังของกรีซ หลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ยังไม่ได้ข้อสรุปแน่ชัด และความล้มเหลวของพรรคการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลผสมได้สร้างความหวั่นวิตกเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอนาคตทางเศรษฐกิจของกรีซ สำนักข่าวซินหัวรายงาน