ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การเดินไปชมการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน ที่ประเทศสิงคโปร์ในวันพรุ่งนี้ไม่ได้นัดพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแน่นอน
ส่วนเรื่องปรับคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันแล้วว่าจะยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้พิจารณา แต่ส่วนตัวไม่มั่นใจว่าจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ และพร้อมทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงกรณีพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ประกาศลาออกหลังคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดกรณีรับสินบนว่า ยังไม่ทราบเรื่อง ซึ่งส่วนตัวเห็นว่ายังสามารถสู้คดีได้ โดยยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งตนเองได้ข่าวในเชิงลึกว่า การลาออกดังกล่าวเพื่อเตรียมตัวลงสมัครรองผู้ว่าราชการ กทม. ให้กับพรรคการเมืองหนึ่ง แต่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยแน่นอน
ส่วนกรณีนายจาย หน่อคำ หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธในแม่น้ำโขง และผู้ต้องหานักค้ายาเสพติดรายใหญ่ในชั้นศาลที่ประเทศจีนได้กลับคำให้การนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่กระทบต่อรูปคดีเนื่องจากมีพยานหลักฐานชัดเจน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของจำเลย และเชื่อว่าศาลจะตัดสินไปตามพยานหลักฐาน โดยในส่วนของไทยไม่ได้ทำเรื่องขอตัวมาดำเนินคดี เพราะเชื่อว่านายจาย หน่อคำ จะต้องโทษประหารชีวิตที่จีน เพราะถือว่ามีความผิดร้ายแรงในหลายกระทง
ทั้งนี้ ยืนยันว่า คดีดังกล่าวเป็นความร่วมมือในประเทศลุ่มน้ำโขง ซึ่งได้ประสานและเปลี่ยนข้อมูลกันโดยตลอด ขณะเดียวกัน ทางการไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปสอบปากคำที่ประเทศจีน พร้อมติดตามการดำเนินคดีอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ย้ำว่า หลังจากการร่วมมือแก้ไขปัญหายาเสพติดระหว่างไทย-จีน-พม่า-ลาว ส่งผลให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนได้ผลดีขึ้น