สวนดุสิตโพลชี้ปชช.46.34%ให้ความเชื่อถือและเชื่อมั่นต่อคำพิพากษาของศาลฎีกา

ข่าวการเมือง Saturday October 13, 2012 14:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทุกสาขาอาชีพที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล กรณี “ทัศนะของสังคม" ต่อ “ผลคำพิพากษาศาลฎีกา" เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมและแสวงหาฐานข้อมูลด้านความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 1,235 คน ระหว่างวันที่ 5-11 ตุลาคม 2555 สรุปผลดังนี้

เมื่อถามถึง “ความรู้ความเข้าใจ" ของประชาชนเกี่ยวกับ “ศาลฎีกา" อันดับ 1พอรู้และเข้าใจอยู่บ้าง38.21%เพราะ ระยะหลังมีข่าวเกี่ยวกับศาลฎีกาบ่อยขึ้น รับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของศาลฎีกาจากสื่อต่างๆ ฯลฯ อันดับ 2ไม่ค่อยมีความรู้และเข้าใจ36.99%เพราะ เป็นเรื่องไกลตัว พอได้ยินหรือรับฟังมาบ้างแต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจ ไม่ได้เรียนด้านกฎหมายมา ฯลฯ

อันดับ 3ไม่รู้และไม่เข้าใจเลย13.42%เพราะ เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก ไม่มีเวลาที่จะศึกษาหรือติดตาม ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ฯลฯ อันดับ 4รู้และเข้าใจเป็นอย่างดี11.38%เพราะ เป็นเรื่องที่สนใจ เคยศึกษาและอ่านหนังสือกฎหมายมาพอสมควร เกี่ยวข้องกับการทำงาน ฯลฯ

เมื่อถามถึง การให้ความสำคัญ ต่อ “ศาลฎีกา" ของประชาชน อันดับ 1ให้ความสำคัญมาก34.55%เพราะ ศาลฎีกาเป็นศาลยุติธรรมชั้นสูงสุด มีอำนาจพิจารณาตัดสินคดีโดยตรง บทบาทหน้าที่ของศาลจึงต้องชัดเจน ยุติธรรม ฯลฯ อันดับ 2พอให้ความสำคัญอยู่บ้าง34.15%เพราะ ระยะหลังมีข่าวเกี่ยวกับการพิจารณาตัดสินคดีของศาลฎีกาบ่อยขึ้น โดยเฉพาะคดีทางการเมืองที่มีผลต่อสังคมไทย ฯลฯ

อันดับ 3ไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญ24.80%เพราะ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องเฉพาะกับคนบางกลุ่ม คดีส่วนใหญ่ที่มาถึงชั้นศาลฎีกาคงจะเป็นคดีสำคัญๆ ฯลฯ อันดับ 4ไม่ให้ความสำคัญ 6.50%เพราะ ไม่เข้าใจเนื้อหารายละเอียด และคิดว่าไม่น่าจะมีผลต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ฯลฯ

เมื่อถามถึง การให้ความสำคัญ ต่อ “ทัศนะหรือความเห็นของสังคม" ของประชาชน อันดับ 1พอให้ความสำคัญอยู่บ้าง54.47%เพราะ คนในสังคมต่างมีความคิดเห็นแตกต่างกันไป จะเลือกรับฟังหรือฟังจากผู้ที่มีความรู้จริง เป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือ ฯลฯ อันดับ 2ให้ความสำคัญมาก29.67%เพราะ จะได้รู้ถึงความคิดเห็น ของคนส่วนใหญ่ว่าเป็นไปในทิศทางใด เป็นข้อมูลไว้สำหรับประกอบการตัดสินใจ ฯลฯ

อันดับ 3ไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญ14.63%เพราะ สังคมในปัจจุบันแบ่งเป็นกลุ่มเป็นพวก มีความคิดเห็นแบ่งข้างแบ่งฝ่าย การฟังความข้างเดียวไม่เปิดกว้าง ฯลฯ อันดับ 4ไม่ให้ความสำคัญ 1.23%เพราะ เชื่อมั่นในความคิดเห็นของตนเองมากกว่า มากคนยิ่งมากความ ฯลฯ

เมื่อถามถึง ความคิดเห็น ต่อ “ทัศนะหรือความเห็นของสังคม" ว่ามีผลต่อ “คำพิพากษา"ของ “ศาลฎีกา" หรือไม่?อย่างไร?อันดับ 1ค่อนข้างมีผล42.04%เพราะ ความคิดเห็นหรือเสียงสะท้อนจากสังคมมาจากประชาชนส่วนใหญ่ จึงควรรับฟังไว้เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ฯลฯ อันดับ 2ไม่ค่อยมีผล24.49%เพราะ การพิจารณาตัดสินของศาลจะดูจากพยานหลักฐาน พยานวัตถุ และพยานบุคคลในการพิจารณามากกว่า ฯลฯ

อันดับ 3มีผลอยู่มาก20.41%เพราะ กระแสสังคมหรือเสียงสะท้อนของคนส่วนใหญ่สามารถกดดันหรือส่งผลต่อการพิจารณาของศาลได้ ฯลฯ อันดับ 4ไม่มีผล13.06%เพราะ คำพิพากษาตัดสินต่างๆจะต้องว่าไปตามตัวบทกฎหมายที่ระบุไว้อย่างชัดเจน ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้เอง ฯลฯ

เมื่อถามว่า ประชาชนมีความเชื่อถือ /เชื่อมั่น ต่อ “คำพิพากษา" ของ “ศาลฎีกา" มากน้อยเพียงใด? อันดับ 1ค่อนข้างเชื่อถือ /เชื่อมั่น46.34%เพราะ เป็นคำพิพากษาที่ผ่านการกลั่นกรองมาแล้วหลายขั้น ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย ฯลฯ อันดับ 2เชื่อถือ /เชื่อมั่นมาก27.64%เพราะ องค์คณะหรือผู้พิพากษามีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย มีการตัดสินที่เป็นธรรม เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ฯลฯ

อันดับ 3ไม่ค่อยเชื่อถือ /เชื่อมั่น23.58%เพราะ มีหลายคดีที่เห็นว่าผลการตัดสินไม่มีความยุติธรรม มีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ฯลฯ อันดับ 4ไม่เชื่อถือ /เชื่อมั่น 2.44%เพราะ มีการแทรกแซงจากผู้มีอิทธิพลและนักการเมือง ถูกกดดันจากสังคม ฯลฯ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ