น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว. เพชรบุรี ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล เชิญตัวแทนจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ตัวแทนผู้ประมูลทั้ง 3 บริษัท รวมถึงน.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ผู้ส่งหนังสือทักท้วงการประมูลไปยังกสทช.เข้าชี้แจงข้อมูล เพื่อตรวจสอบการดำเนินการประมูล 3G ว่าเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล หรือเข้าข่ายการกระทำผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาหรือฮั้วประมูลหรือไม่ ตามที่ประชาชนและองค์กรต่างๆได้ร้องเรียนมายังกรรมาธิการ
นายเศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช.ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ชี้แจงว่า กสทช.ได้ดำเนินการจัดการประมูลโดยเป็นไปตามระเบียบและหลักเกณฑ์ของคณะอนุกรรมรองรับการใช้งานคลื่น 3G 2.1 GHz ทั้งการกำหนดคลื่นความถี่และราคา ที่มีความเหมาะสมเพื่อให้เกิดการแข่งขัน ทั้งนี้ยืนยันว่าการดำเนินงานเป็นไปตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคา ซึ่งมีความเป็นธรรมและโปร่งใส เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก โดยไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลใด หรือบริษัทใดๆ
ด้านนายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการโทรคมนาคม หนึ่งในเสียงที่ไม่เห็นด้วยกับการประมูลดังกล่าว ได้ให้ความเห็นว่า การกำหนดราคาแม้มีการตั้งราคาต่ำสุด แต่ควรมีการกำหนดราคาตั้งต้นที่สูงพอสมควร โดยค่าเฉลี่ยควรอยู่ที่ 82% จากต่ำสุดคือ 67% และมีผู้ประกอบการอย่างน้อยหนึ่งรายที่มีพฤติกรรมไม่แข่งขัน โดยการรอเสนอราคาช่องสัญญาณที่เหลือระหว่างการประมูล
ส่วน น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ชี้แจงถึงการทำหนังสือทักท้วงการประมูลว่า เกิดจากการสังเกตพฤติกรรมที่เข้าข่ายสมยอมไม่มีการแข่งขัน รวมถึงการกำหนดราคาไม่มีความสมเหตุสมผล ดังนั้นหน่วยงานต้นเรื่องควรจะมีการทบทวนการประมูลหรือไม่ ซึ่งโดยหลักทั่วไปแล้วจำเป็นจะต้องมีการแข่งขัน แต่กลับมีการจัดสรรคลื่นความถี่ตรงกับจำนวนของผู้ประกอบการที่ร่วมประมูลพอดี ทั้งหมดนี้จึงทำให้ผู้ประมูลทั้ง 3 รายได้รับประโยชน์ ประหยัดค่าใช้จ่ายรวมกว่า 419,000 ล้านบาท และทำให้ TOT ขาดทุนทันที
ทั้งนี้ การทำหนังสือทักท้วงไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงทางการเมืองแต่อย่างใด แต่เห็นว่าหากปล่อยเรื่องนี้ไปอาจมีปัญหาในภายภาคหน้า