ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ร.ต.อ.เฉลิมมีพฤติกรรมข่มขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งทำลายกระบวนการยุติธรรมขั้นต้นคือการสืบสวน สอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีเหตุการณ์ เมื่อปี 2543 ที่ร.ต.อ.เฉลิมเดินทางไปที่ สน.ทองหล่อ และด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเครื่องพิสูจน์ ว่า ร.ต.อ.เฉลิม มีพฤติกรรมลุแก่อำนาจ นอกจากนั้นแล้วช่วงที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นรองนายกฯ ซึ่งดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังมีพฤติกรรมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ถอดยศตำรวจ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีทั้งที่ตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และยังให้นโยบายข้าราชการ พาพี่กลับบ้านอีก
"เวลาผ่านไป 1 ปี 3 เดือน ร.ต.อ.เฉลิม ยังไม่ดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งผมไม่คิดว่า ด็อกเตอร์กฎหมายไม่น่าจะโง่ขนาดนี้ นอกจากนี้ ยังให้นโยบายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้เป็นกลางและอยู่ข้างพรรคเพื่อไทย ชี้ให้เห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะนั่งทำหน้าที่รองนายกฯ ต่อไป"นายสาทิตย์ กล่าวด้าน ร.ต.อ.เฉลิม ชี้แจงประเด็นของนายชูวิทย์ ว่า ไม่เคยเอาประโยชน์จากโครงการสร้างสถานีตำรวจ แต่เป็นโครงการสมัยประชาธิปัตย์ ส่วนการปราบปราบบ่อนกันพนัน ไม่มีการเลือกปฎิบัติ ที่ผ่านมามีสถิติจับบ่อนการพนันได้ 48,000 แห่ง จับผู้ต้องหาได้ 120,025 คน
“คุณชูวิทย์เอาพระมาก็ดีแล้ว ผมขออธิษฐานต่อหน้าพระที่เอามาว่า นักการเมืองอย่างผมรับเงินจากบ่อนการพนันขอให้พบความวิบัติ นักการเมืองคนไหนรับเงินจากบ่อนขอให้พบความวิบัติ" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ส่วนประเด็นการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ตนเองและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องของเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่