2. “ผู้สมัครที่สังกัดพรรคการเมือง" กับ “ผู้สมัครอิสระ" หาเสียงอย่างไร? คนกรุงเทพฯ จึงจะเลือก 1) ผู้สมัครที่สังกัดพรรคการเมืองนโยบายโดนใจ มีแนวทางชัดเจน สามารถทำได้จริง 47.30% หาเสียงอย่างสร้างสรรค์ ไม่กล่าวร้ายหรือโจมตีใคร 30.12% เข้าถึงประชาชน เป็นกันเอง ไม่ถือตัว 22.58%2) ผู้สมัครอิสระ มีวิสัยทัศน์ แนวทางการทำงานที่ชัดเจน ไม่เพ้อฝัน 53.15% จริงใจ ไม่ถือตัว เข้าถึงประชาชนทุกระดับ 26.18% มีรูปแบบ วิธีการหาเสียงที่น่าสนใจ เป็นตัวของตัวเอง 20.67%
3. การหาเสียงเรื่องใด? ที่จะถูกใจคนกรุงเทพฯมากที่สุด อันดับ 1 การพัฒนาคุณภาพชีวิต /ชีวิตความเป็นอยู่ 22.10% อันดับ 2 การจราจร 21.40% อันดับ 3 ปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม 20.18% อันดับ 4 ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 18.37% อันดับ 5 การศึกษา 17.95%
4. การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ในครั้งนี้จะรุนแรง/ดุเดือด หรือไม่? อันดับ 1 รุนแรง/ดุเดือด 52.17% เพราะ เป็นการแข่งขันกันระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่หวังครองใจคนกทม. เพียงแค่ช่วงแรกของการหาเสียงก็มีการขุดคุ้ยโจมตีกันแล้ว อันดับ 2 ไม่รุนแรง/ไม่ดุเดือด 47.83% เพราะ มีกฎหมายการเลือกตั้งคอยควบคุมอยู่ เป็นการเลือกตั้งในพื้นที่กทม. ไม่น่าจะรุนแรงเหมือนต่างจังหวัด
5. การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ในครั้งนี้จะทำให้ความขัดแย้งที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นอย่างไร? อันดับ 1 ขัดแย้งเหมือนเดิม 53.88%เพราะ การเมืองไทยและสังคมไทยปัจจุบันมีการแบ่งขั้วอย่างชัดเจน ความขัดแย้งต่างๆยังคงมีอยู่ในทุกๆเรื่อง อันดับ 2 ขัดแย้งเพิ่มขึ้น 25.00% เพราะ เป็นการช่วงชิงตำแหน่งที่มีความสำคัญ ต่างฝ่ายต่างต้องหาวิธีการเพื่อให้ได้ใจหรือเรียกคะแนนเสียงจากคนกทม. อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 21.12% เพราะ ขึ้นอยู่กับวิธีการหาเสียงของผู้สมัครแต่ละคน การนำเสนอของสื่อต่างๆ การสร้างสถานการณ์ของผู้ไม่หวังดี
6. การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ครั้งนี้จะมีการซื้อสิทธิขายเสียงหรือไม่? อันดับ 1 มี 67.68% เพราะ เป็นธรรมดาของการเลือกตั้งในเมืองไทย วิธีการซื้อสิทธิขายเสียงมีรูปแบบที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่เพียงการให้เงิน อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 23.27%เพราะ เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่มีหลายฝ่ายจับตามองอยู่ อาจเป็นการสร้างกระแสเพื่อลดความน่าเชื่อถือของคู่แข่งไม่เคยเจอหรือพบเห็นด้วยตนเอง อันดับ 3 ไม่มี 9.05% เพราะ เชื่อมั่นในเกียรติของผู้สมัครแต่ละคน วิธีการซื้อเสียงใช้กับคนกรุงเทพฯไม่ได้ เป็นการกระทำที่ได้ไม่คุ้มเสีย