นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธานส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ซึ่งยังมีญัตติการแปรญัตติใน 60 วัน ค้างอยู่ โดยไม่มีการลงมติ เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ แต่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ในขณะนั้น ได้สรุปว่าญัตติดังกล่าวตกไป และให้ยึดข้อบังคับแปรญัตติ 15 วันแทนว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยังยืนยันว่ากระบวนการดังกล่าวไม่ถูกต้อง เพราะขั้นตอนไม่สมบูรณ์ และผิดระเบียบข้อบังคับ ผิดกฎหมาย แต่ประธานรัฐสภาได้แจ้งงดประชุม วันที่ 10-11 เม.ย. และ 17 เม.ย. โดยนัดประชุมวันที่ 18 เม.ย.แทน แสดงให้เห็นว่า ไม่ต้องการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับ การประชุมสภาแทนที่จะเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อดำเนินการให้ถูกต้อง
ดังนั้น พรรคจึงต้องดำเนินการกับนายสมศักดิ์ เพื่อให้ทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้องของการดำเนินการประชุมต่อไป เพื่อไม่ให้มีการปฏิบัติเช่นนี้อีก จึงจะมีการยื่นถอดถอนนายสมศักดิ์ หลังการหยุดยาวในสงกรานต์ โดยจะมีการประชุมส.ส. พิจารณาในเรื่องนี้ต่อไป
ส่วนที่นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา และในฐานรองประธานรัฐสภา ระบุว่า การดำเนินการของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเพียงประวิงเวลาของพรรคฝ่ายค้านนั้น นายองอาจ กล่าวยืนยันว่า ไม่ใช่การประวิงเวลา เพราะรัฐสภามีเสียงข้างมาก เดินหน้าได้อยู่แล้ว แต่ถ้ารัฐบาลต้องทำด้วยความถูกต้อง ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อพรรคเห็นความไม่ถูกต้อง ก็ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย
"การยื่นถอดถอนนายสมศักดิ์ เป็นกระบวนการทำให้การดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายเกิดขึ้น จึงฝากไปถึงนายนิคม ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต้องการประวิงเวลา และสอบถามว่า ทำไมต้องเร่งรีบทำเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เกินความจำเป็น ในเมื่อมีเสียงข้างมากอยู่แล้ว ทำเพื่อใคร เพื่ออะไร"นายองอาจ กล่าว