สมช.คาดบึ้มหน้ารามฯไม่โยงเหตุป่วนใต้/ยังไม่ประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินในปัตตานี

ข่าวการเมือง Tuesday May 28, 2013 11:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่า เหตุระเบิดบริเวณหน้าปากซอยรามคำแหง 43/1 นั้นขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่ามาจากสาเหตุใด แต่เบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจเป็นความขัดแย้งทางธุรกิจหรือมาเฟียในพื้นที่ ขณะที่ยังไม่ตัดประเด็นทางการเมือง พร้อมยืนยันว่าไม่มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ส่วนกรณีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) สั่งคุมเข้มพื้นที่สำคัญนั้น ถือเป็นเรื่องปกติที่จะต้องดูแล แต่ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณว่าจะเกิดเหตุรุนแรงคล้ายกับเหตุการณ์ระเบิดหลายจุดหลังรัฐประหารปี 2549

พล.ท.ภราดร กล่าวว่า จะเดินหน้าเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็นในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ โดยจะหยิบยกเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้มาพูดคุย เพื่อลดปัญหาความรุนแรง ซึ่งแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นรับปากว่าจะดำเนินการพูดคุยกับบางกลุ่มที่ต่อต้านกระบวนการสร้างสันติภาพ ส่วนเหตุการณ์รายวันที่ยังเกิดขึ้นอยู่นั้นอาจจะเกิดจากกลุ่มที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ พร้อมย้ำไทยจะยึดกรอบการทำงานแบบสันติสุขและดำเนินการภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ส่วนการยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาเป็น พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรนั้น จะมีการพิจารณาทบทวนในต้นเดือน มิ.ย.นี้ เนื่องจากในวันที่ 19 มิ.ย.56 จะครบกำหนดอายุของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.)จะพิจารณาจากสถิติการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ แต่ขณะนี้ยังไม่ยืนยันว่าจะประกาศยกเลิกในพื้นที่ใดบ้าง เพราะยังเกิดเหตุรายวันอย่างต่อเนื่อง

สำหรับเหตุการณ์ล่าสุดเช้ามืดวันนี้ที่ทหารชุดคุ้มครองครูถูกคนร้ายซุ่มโจมตีด้วยอาวุธสงคราม เสียชีวิต 2 นายใน ต.แม่ลาน อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่บังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ นั้น เลขาธิการ สมช.กล่าวเพียงว่า จะยังไม่มีการยกระดับประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

ด้านนายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงเหตุระเบิดย่านรามคำแหงว่า มีผลกระทบต่อความรู้สึกของนักท่องเที่ยวอยู่บ้าง แต่ขณะนี้ยังไม่มีสถานทูตของประเทศใดออกประกาศแจ้งเตือนห้ามนักท่องเที่ยวไม่ให้เดินทางมาเที่ยวในไทย โดยหลังจากนี้กระทรวงท่องเที่ยวฯ จะเน้นมาตราการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพสินของนักท่องเที่ยวมากขึ้น รวมทั้งอาจจะมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคเอกชนและยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ อย่างไรก็ดี เชื่อมั่นว่าตำรวจจะสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ