"รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาน้ำท่วม มีความตั้งใจที่จะจัดการเรื่องน้ำเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ของประเทศ จากที่ปกติฤดูฝนจะถูกน้ำท่วม ฤดูแล้งไม่มีน้ำใช้ หากจะปล่อยกันอยู่อย่างนี้ประเทศชาติจะเสียหายขนาดไหน แล้วทุกปีที่มีน้ำแล้งน้ำท่วมเราสูญเสียเท่าไร การที่เราลงทุน 3.5 แสนล้านบาทสามารถแก้ตรงนี้ได้ ผลตอบแทนที่ประเทศชาติจะได้รับเยอะขนาดไหน ยิ่งช้าไปทุกปีๆ มันเป็นความสูญเปล่า ผมยืนยันได้ว่าโครงการเหล่านี้เป็นประโยชน์และจำเป็นต้องทำ แต่จะทำให้ถูกต้องตามกฎหมายและคำพิพากษาอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง" นายพงศ์เทพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายพงศ์เทพ ยอมรับว่า การตีความกฎหมายย่อมมีความเห็นแตกต่างกันได้ แม้กระทั่งศาลเองมีคำพิพากษามาก็มีเสียงข้างมากข้างน้อย ศาลชั้นต้นและศาลสูงไม่ใช่จะตัดสินคดีเหมือนกันหมด ตนเองกล้าพูดและรับประกันได้ว่าคนที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายประจำไม่มีใครคิดจะไปฝ่าฝืนกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใด เพราะรู้ดีว่าหากทำจะเดือดร้อน เว้นเสียแต่ว่ามีความเข้าใจกฎหมายที่แตกต่างกันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์มองว่ารัฐบาลขัดต่อหลักกฎหมาย 5 ฉบับนั้น ขณะนี้ตนเองยังไม่เห็นรายละเอียด
นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ได้เลื่อนการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองให้ความเห็นเกี่ยวกับคำสั่งศาลปกครองกลางในคดีโครงการบริหารจัดการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาท จากเดิมในวันที่ 8 ก.ค.56 มาเป็นวันที่ 5 ก.ค.56 เวลา 09.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาลแทน โดยจะมีการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาศึกษา ส่วนเรื่องการอุทธรณ์คดีนั้นคณะกรรมการฯ คงให้ได้แค่ความเห็น ส่วนการตัดสินใจจะเป็นเรื่องของหน่วยงานเจ้าของเรื่องกับอัยการ
ส่วนแนวคิดที่จะจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) และรายงานผลกระทบด้านสุขภาพ(HIA) เฉพาะในส่วนของเขื่อน ส่วนโมดูลอื่นไม่ต้องทำนั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า หลายเรื่องไม่เกี่ยวอยู่แล้ว มีเฉพาะบางเรื่องเท่านั้น