รมต.ใหม่ชูแนวโนบายการทำงาน-ต้านคอรัปชั่นผ่านรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์

ข่าวการเมือง Saturday July 6, 2013 10:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รายการ"รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน"เช้านี้ เป็นการนำเสนอแนวนโยบายการทำงานของรัฐมนตรีใหม่ที่เพิ่งเข้ามาร่วมอยู่ในครม.ยิ่งลักษณ์ 5 ซึ่งประกอบด้วย รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ, ด้านสังคม และด้านความมั่นคง หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศเจตนารมย์ในการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น

โดยนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ระบุว่า ตั้งใจจะพัฒนาระบบงานในกระทรวงพาณิชย์ให้มีความโปร่งใส และมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งการอุดช่องโหว่ที่จะก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น รวมทั้งจะทำงานตอบสนองความต้องการของเกษตรกรซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในการทำงาน ซึ่งในส่วนของการเข้ามาดูแลโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนั้น มองว่าไม่หนักใจเนื่องจากมีทีมงานที่มีความสามารถทั้งนายยรรยง พวงราช และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ที่จะเข้ามาช่วยกันดูแลภารกิจในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ให้สำเร็จด้วยดี

ด้านนายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จะเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามาร่วมในการสังเกตการณ์การจัดซื้อจัดจ้างให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในทุกขั้นตอนการทำงาน ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรจะเน้นเรื่องการแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรและการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรเป็นหลัก รวมทั้งการวางแนวทางการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับพื้นที่ โดยการทำโซนนิ่ง ซึ่งจะมีการนำร่องในภาคเหนือ และภาคอีสานก่อนเป็นอันดับแรก

นายพ้อง ชีวานันท์ รมช.คมนาคม ยอมรับว่ากระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานที่มักถูกจับตาในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างพื้นฐานของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท โดยยืนยันว่าจะดำเนินการตามเจตนารมย์ของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นทุกรูปแบบ และเชื่อว่าการดำเนินการบนหลักการที่ถูกต้องโปร่งใส และสามารถอธิบายเหตุผลให้แก่สังคมได้ ก็เชื่อว่าโครงการจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและได้รับการยอมรับจากสังคม

นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ ระบุว่า การค้าระหว่างประเทศของไทยในแต่ละปี คิดเป็นมูลค่าการส่งออกถึง 7 ล้านล้านบาท ส่วนการนำเข้าอยู่ที่ราว 6 ล้านล้านบาท ขณะที่มูลค่าการค้าภายในประเทศอยู่ที่ปีละ 3-4 ล้านล้านบาท ซึ่งหากรัฐบาลเริ่มเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นก็จะเป็นผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เพราะการขจัดการทุจริตคอรัปชั่นก็เปรียบเหมือนได้กำจัดไขมันในระบบเศรษฐกิจ เพื่อให้เศรษฐกิจเหลือไว้เฉพาะแต่กล้ามเนื้อที่แข็งแรง และสามารถนำพาความร่ำรวยมาสู่ประเทศได้ในการที่จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี และมีรายได้เพิ่มมากขึ้น

นางเบญจา หลุยเจริญ รมช.คลัง กล่าวว่า จากที่ได้เคยทำงานในกรมจัดเก็บรายได้ของกระทรวงการคลังมาก่อน ทำให้สามารถเห็นโอกาสในการจะบูรณาการทำงานในภาพรวมของกระทรวงการคลังได้เป็นอย่างดี และพร้อมที่จะอุดช่องโหว่และปรับปรุงการบริหารงานในด้านการจัดเก็บรายได้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ด้านนางปวีณา หงสกุล รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ระบุว่า นโยบายการทำงานจะมีทั้งเชิงรุกและเชิงรับ โดยเชิงรับ คือการรับฟังปัญหาจากประชาชนในทุกเรื่อง เพื่อให้สามารถทราบถึงปัญหาของประชาชนในแต่ละกลุ่มได้อย่างแท้จริงและครบถ้วน ส่วนในเชิงรุกคือ จะต้องลงไปพบปะและเข้าถึงประชาชนในพื้นที่ ไม่ใช่การทำงานแต่อยู่ในกระทรวงเท่านั้น นอกจากนี้จะเดินหน้าในการรณรงค์ลดความรุนแรงต่อเด็กและสตรี และการพัฒนากองทุนพัฒนาบทบาทสตรีให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า จะลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงในการรักษาพยาบาล เพื่อให้ประชาชนในส่วนภูมิภาคสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้สะดวกมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ และอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ให้มีความเหมาะสมมาก

นายชัยเกษม นิติศิริ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมถือว่ามีส่วนโดยตรงกับการดูแลแก้ปัญหาเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น โดยเฉพาะการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ซี่งต้องรณรงค์ให้บุคลากรในภาครัฐเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเดิมๆ โดยการลด ละ เลิกการทุจริตคอรัปชั่น เพื่อให้การทำงานของภาครัฐเป็นจุดเริ่มต้นของความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้จากสังคม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ