พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่า แกนนำขบวนการกลุ่มบีอาร์เอ็นในฐานะตัวแทนการพูดคุยสันติภาพกับตัวแทนรัฐบาลไทยได้ยื่นหนังสือต่ออดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติมาเลเซีย ในฐานะผู้อำนวยการความสะดวกการพูดคุยสันติภาพระหว่างไทยกับกลุ่มบีอาร์เอ็น ประท้วงฝ่ายไทยละเมิดข้อตกลงการลดความรุนแรงช่วงเดือนรอมฎอนว่า ฝ่ายความมั่นคงของไทยได้รับหนังสือประท้วงฝ่ายไทยละเมิดข้อตกลงการลดความรุนแรงช่วงเดือนรอมฎอนแล้ว ผ่านทางอีเมล์จากทางการมาเลเซีย โดยผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุยเป็นเนื้อหาภาษาอังกฤษ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางการไทยได้มีการทำความเข้าใจ และแปลเนื้อหาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่งผ่านผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุยตอบกลับไปยังทางการมาเลเซียแล้วเช่นกัน เนื่องจากทางการข่าวของกลุ่มบีอาร์เอ็นกังวลใจว่า ฝ่ายไทยจะเข้าใจการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงเดือนรอมฎอนในหลายจุดเป็นการกระทำของกลุ่มบีอาร์เอ็น จึงทำหนังสือประท้วงว่าฝ่ายไทยเป็นผู้ริเริ่มก่อเหตุความรุนแรงก่อน โดยฝ่ายไทยยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุก่อน จึงอยู่ระหว่างขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่าง 2 ฝ่ายว่าเหตุเกิดขึ้นจากอะไร นำไปสู่คำตอบในการสร้างสันติสุขในอนาคตได้
"การส่งหนังสือประท้วงไทยละเมิดข้อตกลงครั้งนี้ไม่ใช่ต้องการยกระดับข้อเรียกร้องของกลุ่มบีอาร์เอ็นจนกระทบการพูดคุยสันติภาพในอนาคตแน่นอน คาดว่า จะมีการพูดคุยสร้างความสงบสุขอีกครั้งหลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอนก่อน เนื่องจากช่วงนี้มาเลเซียติดประกอบศาสนกิจเดือนรอมฎอน(ถือศีลอด) ขณะนี้หน่วยงานความมั่นคงของไทยจะเดินหน้าสืบสวนสอบสวนต่อใช้เป็นข้อมูลทางสถิติหาข้อเท็จจริงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ได้"พล.ท.ภราดร กล่าว
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าว ระบุว่า กลุ่มบีอาร์เอ็น ได้แถลงจะหยุดก่อเหตุยิงช่วงเดือนรอมฎอนแล้ว ผ่าน ผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุยสันติภาพระหว่างฝ่ายไทยกับกลุ่มบีอาร์เอ็น ได้ประกาศหยุดยิง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น ได้อ้างว่า กรณีประชาชน ครูตาดีกา ผู้นำศาสนา บุคคลที่มีคดีติดตัวและบุคคลอื่นๆอีกหลายคนถูกสังหาร ส่งผลให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในกระบวนการสร้างสันติภาพ จนทำให้กลุ่มคนบางส่วนของกลุ่มบีอาร์เอ็น(กลุ่มกองกำลังอาร์เคเค) ไม่สามารถอดทนได้และต้องออกมาตอบโต้ฝ่ายไทยดังกล่าว