นายพ้อง ชีวานันท์ รมช.คมนาคม เผยมอบนโยบายให้กรมทางหลวงชนบท(ทช.) เน้นการทำงานของสำนักทางหลวงชนบทแต่ละพื้นที่ให้ใกล้ชิดประชาชนเพื่อรับทราบปัญหาอย่างแท้จริง และนำข้อมูลที่ได้มาประกอบการดำเนินโครงการ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญการดำเนินโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน
"จะไม่นำงบประมาณมาลงเฉพาะพื้นที่ผม เพราะผมให้ความสำคัญในการจัดสรรการดำเนินโครงการก่อสร้างถนน จะต้องกระจายให้ทั่วถึง ครอบคลุมทุกภาคส่วน ทุกจังหวัด ตามศักยภาพความจำเป็น และความเดือดร้อน ส่วนกรณีที่ ส.ส.มาร้องขอให้สร้างถนนนั้นขอให้กรมฯ รับไว้พิจารณาด้วย เพราะ ส.ส.ถือเป็นบุคคลในพื้นที่ที่ทราบปัญหาความเดือนร้อนของคนในพื้นที่เป็นอย่างดี" นายพ้อง กล่าว
รมช.คมนาคม ยังมั่นใจว่า การเบิกจ่ายงบประมาณของ ทช.จะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย แม้ปัจจุบันจะสามารถเบิกจ่ายได้เพียง 36.1% จากงบประมาณทั้งหมด 3.39 หมื่นล้านบาท โดยได้รับรายงานว่า ปัญหาเกิดจากผู้รับเหมาก่อสร้างไม่ยื่นประกวดราคา ทำให้ต้องจัดประกวดราคาหลายครั้ง
ด้านนายชาติชาย ทิพย์สุนาวี อธิบดี ทช.กล่าวว่า โครงการที่ต้องประกวดราคาหลายครั้งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การปรับฐานคิดราคากลางของรัฐบาล ซึ่งเริ่มใช้ฐานราคากลางใหม่ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ผู้รับเหมาบางส่วนรอราคากลางใหม่ ขณะที่บางโครงการเข้าพื้นที่ลำบาก โดยการปรับราคากลางใหม่มีผลให้ค่าก่อสร้างปรับเพิ่มประมาณ 3-4% เป็นการปรับเพิ่มค่าแรง 300 บาทต่อวัน และราคาวัสดุที่ปรับราคาเพิ่มขึ้น