มติวิปฝ่ายค้านยื่นถอดถอน"นิคม",ร้องศาล รธน.ตีความแก้ที่มา ส.ว.ขัด รธน.

ข่าวการเมือง Thursday September 5, 2013 12:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิปฝ่ายค้านฯ ได้หารือกันถึงการปฏิบัติหน้าที่ของนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา และ ส.ส.พรรครัฐบาล กรณีที่เสนอญัตติขอปิดการอภิปรายการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของ ส.ว.ทั้งที่มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะผู้สงวนความเห็นและผู้สงวนคำแปรญัตติ จำนวน 53 คน และได้แจ้งชื่อไว้แล้ว แต่เพิ่งอภิปรายไปได้เพียง 7 คน
"รองประธานรัฐสภาซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้รวบรัดให้ปิดอภิปราย ทำให้ ส.ส.ฝ่ายค้านไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ และวิปฝ่ายค้านมีความเห็นว่านายนิคมกระทำผิดรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา ทั้งการวินิจฉัยที่แตกต่างไปจากประธานรัฐสภาที่วินิจฉัยไว้ก่อนหน้านี้และการวินิจฉัยเป็น 2 มาตรฐาน วิปฝ่ายค้านจึงมีความเห็นที่จะยื่นถอดถอนนายนิคมออกจากการเป็นประธานวุฒิสภา ฐานปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลางตามรัฐธรรมนูญมาตรา 89 และมีผลประโยชน์ทับซ้อน" นายจุรินทร์ กล่าว

เนื่องจากเมื่อแก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้วนายนิคมสามารถลงสมัคร ส.ว.ได้อีก ซึ่งถือว่าผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 112 เพื่อให้รัฐธรรมนูญที่กำลังแก้ไขได้ผ่านการพิจารณาไปอย่างรวดเร็ว โดยการจำกัดสิทธิ์ของสมาชิกไม่ให้อภิปรายและทำหน้าที่ อีกทั้งคำวินิจฉัยของนายนิคมก็ขัดกับประธานรัฐสภา ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา ทั้งที่ ส.ส.ฝ่ายค้านได้ท้วงติงแล้ว โดยฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องถอดถอนในวันพรุ่งนี้(6 ก.ย.) ต่อประธานวุฒิสภา เพราะต้องใช้เวลารวบรวมสมาชิกและยกร่างคำถอดถอนก่อน

ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวด้วยว่า วิปฝ่ายค้านยังมีมติให้ ส.ส.พรรคไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 ในกรณีที่มีความเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องที่มาของสมาชิกวุฒิสภา และคุณสมบัติของสมาชิกวุฒิสภาที่มีการแก้ไขไปนั้น เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ โดยไม่เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ ซึ่งได้มีการแก้ไขที่มาของวุฒิสมาชิกเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่ให้มี ส.ว.มาจากการเลือกตั้งและสรรหา รวมทั้งแก้ไขคุณสมบัติของผู้ลงสมัครวุฒิสภา ถือว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทำให้เกิดความสูญเสียทางดุลยภาพ เปิดโอกาสให้ฝ่ายการเมืองสามารถครอบงำวุฒิสภา ซึ่งเป็นสถาบันนิติบัญญัติได้ในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ