"สุเทพ"ยันต้องเดินหน้าปฏิรูปให้สำเร็จก่อน ไม่สนเงื่อนเวลาเลือกตั้ง 2 ก.พ.

ข่าวการเมือง Friday December 13, 2013 13:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข(กปปส.) เปิดเวทีพบปะกับสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ ที่ราชตฤณมัยสมาคม เพื่อชี้แจงและตอบข้อซักถามต่างๆ ซึ่งมีข้อสรุปในภาพรวมว่า โดยหลักแล้ว กปปส.จะทำเรื่องการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้แล้วเสร็จก่อนจึงจะให้มีการเลือกตั้งทั่วไป เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเงื่อนไขว่าจะทำไม่ทันก่อนวันที่ 2 ก.พ.57 ซึ่งหมายความว่าเรายังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 ก.พ.57
"การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปก่อน จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศได้สำเร็จ" นายสุเทพกล่าว

โดยชี้แจงว่า ในขั้นตอนแรกที่จะต้องผ่านไปให้ได้ก่อนคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะต้องลาออกจากรักษาการณ์นายกรัฐมนตรีก่อน ซึ่งคงไม่ได้กำหนดเส้นตายหรือวางกรอบเวลาไว้ว่าจะต้องลาออกภายในเมื่อใด คงต้องรอดูตามสถานการณ์ แต่หากหมดสิ้นหนทางนี้แล้วก็จะใช้พลังของประชาชนเข้ามาบังคับ ซึ่งวิธีนี้จะใช้ก็ต่อเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีท่าทีที่ชัดเจนแล้วว่าถึงอย่างไรก็จะไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งรักษาการณ์โดยสมัครใจ

อย่างไรก็ดี นายสุเทพ ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อบุคคลที่เหมาะสมที่ทาง กปปส.มองว่าสมควรจะเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป โดยกล่าวเพียงว่า การทำหน้าที่เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องเป็นหน้าที่ของนายนิคม ไวยรัชพาณิช ประธานวุฒิสภา แต่ขอภาวนาให้ประธานวุฒิสภาลาออกด้วย เพราะมองว่านายนิคม เป็นส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณ ซึ่งหากนายนิคมลาออก ก็จะต้องเป็นหน้าที่ของรองประธานวุฒิสภาในการเสนอชื่อแทน

"ผมคงตอบไม่ได้ว่าจะเขาจะเสนอชื่อใคร แต่เชื่อว่าเมื่อมองเห็นสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ ก็คงตัดสินใจปรึกษาหารือ หาคนดีขึ้นมาทำหน้าที่นี้ และเราจะไปคุยกับว่าที่นายกฯ คนนั้นว่า เราต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงการปฏิรูปในแนวทางของเราอย่างไร" นายสุเทพ กล่าว

อย่างไรก็ดี หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีไม่ยอมลาออกจากรักษาการณ์ ก็คงต้องใช้พลังประชาชนเข้ามาบังคับ และเมื่อทาง กปปส.สามารถควบคุมการบริหารประเทศได้แล้วก็จะมาหารือกันว่าจะมอบหมายให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี และเดินหน้าสภาประชาชนต่อไป

ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา หนึ่งในคณะกรรมการ กปปส. กล่าวชี้แจงต่อว่า สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ถือว่าเป็นสถานการณ์พิเศษไม่ใช่สถานการณ์โดยปกติ ซึ่งคงไม่สามารถยึดถือระเบียบกติกาในแบบเดิมได้ ดังนั้นการเคลื่อนไหวของ กปปส.จึงต้องการการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติวิธีและหลีกเลี่ยงสงครามการเมือง ซึ่งการหยิบยกวิธีการตามมาตรา 3 และมาตรา 7 ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นความมุ่งมั่นของ กปปส.ที่ต้องการจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ไม่มีการเสียเลือดเนื้อ หรือเสียเลือดเนื้อให้น้อยที่สุด

"เราเลี่ยงสงครามการเมือง เราไม่ต้องการเผชิญหน้ากับใคร ทหาร ตำรวจ พี่น้องเสื้อแดง หรือแม้แต่รัฐบาลที่เราไม่ไว้วางใจ ฉะนั้นมาตรา 3 มาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญที่เราพูดกัน เราเชื่อว่าจะเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านหรือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดอย่างสันติวิธี" นายสุริยะใส กล่าว

พร้อมย้ำว่า สาเหตุที่ กปปส.ชูรูปแบบสภาประชาชนหรือรัฐบาลเฉพาะกาลที่ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการณ์นั้น เพราะต้องการเปลี่ยนผ่านถ่ายโอนอำนาจมาสู่มือของประชาชนและสังคม ซึ่งไม่ใช่รัฐบาลในระบอบทักษิณ และนี่คือหลักการสำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ