และที่นายสุเทพบอกว่าจะมีการยกหีบบัตรไปทิ้งในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี และกทม.นั้น อาจจะมีคนไปแจ้งความทั่วประเทศตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ข้อหาก้าวล่วงพระราชอำนาจไม่รับการเลือกตั้ง รวมถึงกรณีที่นายสุเทพ ออกมาข่มขู่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมทั้งบุตรชายว่าอาจจะอยู่ประเทศไทยไม่ได้ แต่ต้องไปอยู่ดูไบนั้น ถือเป็นการกระทำที่ไร้วุฒิภาวะ ขัดกฎหมาย ขัดรัฐธรรมนูญ
"นายสุเทพ เอาอำนาจอะไรมาสั่งการ การข่มขู่แบบนี้มีแต่พวกเผด็จการเท่านั้นที่ทำกัน ขอร้องนายสุเทพอย่าเหิมเกริม เลยขอบเขต ก้าวล่วงไปถึงเด็ก และอย่าทำผิดกฎหมายมากกว่านี้ เพราะตอนนี้ก็โดนไปหลายคดีแล้ว" นายพร้อมพงศ์ กล่าวพร้อมระบุว่า จากการเสวนา "ประเทศไทยของเราจะไปทางไหน" พบว่าเสียงส่วนใหญ่ต้องการเห็นประเทศไทยมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 ก.พ.57 ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของกองทัพ ดังนั้นจึงขอร้องนายสุเทพ ให้หยุดถ่วงเวลาการเลือกตั้ง และการเรียกร้องแบบไม่มีที่สิ้นสุด เพราะขณะนี้จะต้องมีสภาฯ ก่อนถึงจะเสนอกฎหมายหรือแก้กฎหมายได้ ดังนั้นจึงควรจัดเลือกตั้งก่อนแล้วค่อยทำการปฏิรูปประเทศ โดยรัฐบาลชุดใหม่อาจอยู่ในวาระเพียง 2 ปี แล้วจึงยุบสภา โดยจะมุ่งเน้นการปฏิรูปการเมืองเป็นภารกิจหลัก
นายพร้อมพงศ์ ยังเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ที่กำลังจะมีการคัดเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ยึดมั่นระบบการเลือกตั้ง และเคารพพระราชกฤษฎีกาที่กำหนดวันเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 โดยขอให้พรรคทำตามจุดประสงค์ของพรรคการเมืองที่เสนอนโยบายให้ประชาชน และเสนอตัวให้ประชาชนเลือกตั้ง อย่าบอยคอตด้วยการไม่ส่งผู้สมัครลงแข่งขันตามความต้องการของนายสุเทพ เพราะหากทำเช่นนั้นจะต้องตอบคำถามสังคม และต้องตอบตัวเองว่าศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยจริงหรือไม่