นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กรรมการ กกต.ฝ่ายกิจการพรรคการเมืองและออกเสียงประชามติ ยอมรับว่า กกต.มีความเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ ซึ่งหลังจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา โดยกำหนดวันเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 นั้น ได้เกิดประเด็นความขัดแย้งขึ้นในสังคมและนำไปสู่ความแตกต่างทางความคิดใน 2 ด้าน
ด้านแรก มองว่ารัฐบาลมีความชอบธรรมที่จะอยู่ในตำแหน่งรักษาการ และเดินหน้าสู่การเลือกตั้งบเพื่อเป็นทางออกให้แก่สังคม ในขณะที่อีกด้านมองว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่ควรอยู่ในตำแหน่งรักษาการและควรมีสภาประชาชน เข้ามาทำหน้าที่แทนฝ่ายนิติบัญญัติ และควรเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก 8 เดือน ถึง 2 ปี เพื่อให้เกิดการปฏิรูปได้อย่างสมบูรณ์ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ หากปล่อยให้มีการขัดแย้งทางความคิดอยู่ในลักษณะนี้ เชื่อว่า การจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57 อาจจะไม่สามารถทำได้ด้วยความสงบเรียบร้อยไปจึนถึงการนำไปสู่การไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ กกต.ได้หารือกันแล้ว โดยสรุปว่าหนทางที่ดีที่สุดที่จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดในขณะนี้ได้ คือ ทุกฝ่ายต้องประนีประนอมความคิด ไม่สุดขั้วไปด้านใดด้านหนึ่ง และลดความต้องการของฝ่ายตัวเองลงให้อยู่ในจุดที่พอจะยอมรับได้ ไม่มีฝ่ายใดแพ้หรือชนะ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นทางออกที่ทำให้สถานการณ์ของประเทศไม่เกิดควงามเสียหาย
อย่างไรก็ตาม กกต.ยังยืนยันว่า พร้อมจะทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57 ตามกำหนดเดิมอย่างสุดความสามารถ
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวยอมรับว่า ในสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันนี้ การจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยอาจจะเกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์มองว่า จะมีความวุ่นวายอยู่พอสมควร ดังนั้นจึงมองว่าฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหากมีโอกาสมาเจรจากัน เพื่อช่วยให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเป็นการเลือกตั้งที่ดี ก็ยังมีโอกาสที่จะทำได้ ซึ่งเรื่องนี้ รัฐบาลและ กปปส.ควรต้องหารือกันก่อน แต่หากคุยกันแล้วยังตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องให้ฝ่ายกฎหมายไปหาช่องทางทางกฎหมายในการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ซึ่ง กกต.ก็พร้อมจะปฏิบัติตาม
อย่างไรก็ดี กกต.เองไม่มีอำนาจที่จะเลื่อนการเลือกตั้งเพราะอำนาจของ กกต.มีเพียงแค่การจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมเท่านั้น แต่ก็ยืนยันว่ายังมีช่องทางที่สามารถจะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้ แต่ไม่อยู่ในวิสัยที่ กกต.จะเป็นผู้เสนอ