น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงนโยบายหาเสียงของพรรคภูมิใจไทย เร่งด่วน 4 ด้าน คือ ยกหนี้กยศ. ตั้งกองทุนการศึกษา 36,000 ล้านบาท เบี้ยผู้สูงอายุ คนละ 3,000 บาทต่อเดือน พ.ร.บ.ประกันราคาพืชผลการเกษตร และ แก้กฎหมายธุรกิจ อำนวยความสะดวกเพื่อเพิ่มศักยภาพนักลงทุนไทยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ยืนยันว่า หากพรรคภูมิใจไทยได้มีโอกาสทำงานในฐานะฝ่ายบริหาร ทุกๆ นโยบายที่ประกาศไว้จะทำได้จริง เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยมีการศึกษารายละเอียดมาอย่างดี งบประมาณที่จะใช้สำหรับการทำงานตามนโยบายเร่งด่วน 4 ด้านนั้น พรรคภูมิใจไทย ได้ประมาณการงบประมาณที่ต้องใช้ คือ ปีละ 415,725 ล้านบาท
ส่วนประมาณการรายรับ จะมาจาก 1.การปรับลดราคากลางจากงบลงทุน 20% ซึ่งมีการกล่าวหาจากทั้งในและต่างประเทศว่า มีการทุจริตคอรัปชั่น 20-30% ดังนั้นเราจะทำการปรับลดราคากลางของงบประมาณรายจ่ายเพื่อการลงทุนลงเฉลี่ยที่ 20% เป็นเงิน 88,000 ล้านบาท โดยจะมีผลพลอยได้คือการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในวงราชการไปด้วยในตัว
2.เพิ่มสัดส่วนการส่งรายได้จากรัฐวิสาหกิจ เพิ่มขั้นอีกประมาณ 50,000 ล้านบาท จากที่รัฐวิสาหกิจมีรายได้ปีละกว่า 4 ล้านล้านบาท มีกำไร 2.5 แสนล้านบาท ส่งผลกำไรให้รัฐปีละ 1.1 แสนล้านบาท เราจะให้เพิ่มการส่งรายได้ให้รัฐอีกปีละ 50,000 ล้านบาท 3.ภาษีสรรพสามิต ในหมวดสินค้าฟุ่มเฟือย ต่างๆ อีก 15,500 ล้านบาท 4.การปรับลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยภาครัฐ ปีละ 10,000 ล้านบาท และ 5.การเพิ่มของงบประมาณรายจ่ายประจำปีแต่ละปี 10 เปอร์เซ็นต์
"การหางบประมาณที่จะนำมาใช้เพื่อนโยบายเร่งด่วนนั้น จะไม่มีเรื่องของการกู้เงิน ไม่ว่าจะเป็นการกู้นอกประเทศ หรือกู้ในประเทศ เพราะว่าพรรคภูมิใจไทย คิดว่าเรามีศักยภาพเพียงพอที่จะบริหารจัดการงบประมาณในแต่ละปีให้มีประสิทธิภาพสูงสุด" น.ส.ศุภมาส กล่าว