นายกฯ ยันเดินหน้าโรดแมปทำประชาธิปไตยเข้มแข็ง,ไม่คิดกลับมาหลังพ้นหน้าที่

ข่าวการเมือง Tuesday September 15, 2015 18:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงการประชุมร่วมระหว่าง ครม., คสช. และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ในวันนี้ว่า มีการทำความเข้าใจระหว่างกัน โดยเฉพาะเรื่องขยายเวลาตามโรดแมปที่วางไว้ ซึ่งกรอบใหม่ขยายไป 20 เดือน หากมีความกระชับขึ้นในบางเรื่องก็เป็นเรื่องดี และอยากเห็นรัฐธรรมนูญใหม่ ทำบ้านเมืองให้ปลอดภัย และเป็นประชาธิปไตยที่เข้มแข็งในอนาคตและการปฎิรูปต้องเกิดขึ้นให้ได้ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ จึงมอบแนวทางนี้ไปให้ทุกฝ่ายดำเนินการ

สำหรับโครงสร้างของสมาชิกสภาขับเคลื่อนปฎิรูปประเทศจะมีทั้งอดีตข้าราชการ นักการเมือง ซึ่งได้ดำเนินการติดต่อไปแล้ว และเมื่อเข้ามาต้องยอมรับในการปฎิรูปและทำหน้าที่ให้เรียบร้อย รวมถึงมีตัวแทนนักกฎหมาย มีนักวิชาการ ตัวแทนด้านความมั่นคง ตัวแทนกลุ่มการเมือง และอดีตสภาปฎิรูปแห่งชาติ เพื่อนำข้อมูลมาประสานกับชุดใหม่ที่จะเข้ามาสานต่อการทำงานให้เกิดขึ้น

"ผมคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องการมีอำนาจ ผมขาดทุนลงทุกวัน เพราะผมขาดทุนชื่อเสียง ผมถูกทำลายมีคนใส่ร้ายป้ายสีผมเยอะพอสมควร มีคนต่อต้านพูดเรื่องไม่ใช่เรื่อง แต่ผมขี้เกียจโมโหแล้ว และขาดทุนเรื่องชีวิตความปลอดภัย และขาดทุนที่ผมไปพักผ่อน เวลาผมน้อยลงไปเรื่อยๆ ที่ผมทำงานแบบนี้ ความกดดันก็สูง ทั้งนี้จำเป็นต้องทำ รักษาสถานการณ์ประเทศให้ได้ เพราะผมคิดแต่เพียงว่า ผู้ได้รับกำไรคือประชาชน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังขอร้องให้ทุกคน รวมถึงนักการเมือง สร้างความเข้าใจกับประชาชนว่าจะต้องขับเคลื่อนการปฎิรูปให้สำเร็จ ส่วนคนที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล เมื่อมีการขยายข่าว ย่อมส่งผลไม่ดีกับตนเองและต่างประเทศก็จับจ้อง ดังนั้นจึงอยากทำความเข้าใจกับประชาชนว่า ทุกคนต้องการความเรียบร้อยในบ้านเมืองหรือไม่ ถ้าต้องการทุกคนก็ต้องมาช่วยกัน

ส่วนการคัดเลือกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ระหว่างการคัดสรรอยู่ ซึ่งคาดว่ารายชื่อทั้งหมดจะมีความชัดเจนภายหลังการเดินทางกลับมาจากการประชุมสหประชาชาติที่สหรัฐอเมริกาในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งจะมีนักกฎหมายเข้าร่วมด้วย โดยร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะต้องนำไปสู่การปฎิรูป และทำให้รัฐบาลในอนาคตบริหารแผ่นดินได้

"อย่ามองแค่เรื่องประชาธิปไตย และต้องมีการเลือกตั้งเท่านั้น ส่วนตัวผมไม่ได้รังเกียจหากใครจะเข้ามา แต่เมื่อเข้ามาแล้ว ต้องยอมรับสิ่งที่ดำเนินการไว้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อพ้นจากตำแหน่งจะไม่กลับมาอีกแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ทำไว้ต้องมีการสานต่อในอนาคต พร้อมย้ำว่า คนที่กระทำผิดกฎหมายจะเข้าร่วมกระบวนการปรองดองไม่ได้ และไม่เคยประสานงานใครเพื่อลดโทษ เพราะตนเองเอาชีวิตเข้ามาเสี่ยงกับการเข้ามาบริหารประเทศในครั้งนี้ และไม่เคยสั่งการให้ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล ให้ข่าวโจมตีใคร

นายกรัฐมนตรีได้อธิบายถึงเหตุผลการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ว่า ไม่ได้ใช้ลงโทษใคร แต่ทำเพื่อรักษาความมั่นคงให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพเท่านั้น ซึ่งในกรณีนายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์วอท ที่ออกไปเรียกร้องให้ปล่อยตัวคนที่ถูกควบคุมตัว เพราะวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลนั้นถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะนำเรื่องนี้ไปให้ต่างประเทศรับรู้ จึงฝากถามนายสุนัยว่ารักประเทศจริงหรือไม่ เช่นเดียวกับสื่อบางคนซึ่งตนเองไม่อยากไปต่อสู้เพราะทุกคนน่าจะรู้ว่ามีพฤติกรรมอย่างไร และขอร้องสื่อมวลชนให้ช่วยประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาล ลดความขัดแย้งในสังคม แต่ยอมรับมีบางสื่อที่ไม่มีจรรยาบรรณ เพราะเป็นสื่อที่เข้าข้างกลุ่มที่ทำผิด

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำงานนับจากนี้ไปรัฐบาลจะเร่งบูรณาการการทำงาน เอายุทธศาตร์ชาติที่ร่างไว้ในรัฐบาล มาดำเนินการเพื่อปฎิรูปในระยะที่ 1 ให้ได้ ดังนั้นทุกคนต้องทำตามแผนและตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ แต่ไม่ได้ล็อกไว้ตายตัว และเป็นแผนคล้ายกับแผนพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจแห่งชาติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ