NGO เรียกร้องรัฐบาลทบทวนมติ ครม.จ่ายเงินชดเชยคดีคลองด่าน เหตุคดียังไม่สิ้นสุด

ข่าวการเมือง Thursday November 19, 2015 18:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ และนางดาวัลย์ จันทรหัสดี อดีตแกนนำประชาชนตำบลคลองด่าน ร่วมกันแถลงข่าวคัดค้านกรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบเบิกงบประมาณจ่ายให้เอกชนที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย ตำบลคลองด่าน จังหวัดนนทบุรี มูลค่ากว่า 9.6 พันล้านบาท

นางเพ็ญโฉม กล่าวว่า ขณะนี้การต่อสู้คดีดังกล่าวที่กรมควบคุมมลพิษ(คพ.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัทเอกชน 19 รายยังไม่สิ้นสุด ยังอยู่ในขั้นตอนของศาลฎีกา ดังนั้นรัฐบาลควรรอให้ศาลได้ตัดสินให้แล้วเสร็จก่อน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2558 หรือต้นปี 2559

การที่ ครม.มีมติให้จ่ายเงินไปก่อนโดยที่ศาลยังไม่ได้ตัดสิน หากมีผู้ฟ้องร้องรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องรับผิดชอบกับความเสียหายทั้งหมด เพราะเป็นการบริหารงานหละหลวมเหมือนสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในโครงการรับจำนำข้าว และหากจ่ายเงินไปแล้ว ศาลมีคำพิพากษาให้ คพ.ชนะคดี รัฐจะไม่สามารถทวงเงินคืนได้ หากรัฐบาลไม่แน่ใจว่าศาลจะมีคำพิพากษาอย่างไร ขอแนะนำให้ปรึกษากับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาช่วยวิเคราะห์แง่มุมทางกฎหมายเพื่อประกอบการตัดสินใจ

"หากรัฐบาลผลีผลามจ่ายเงินค่าเสียหายแก่เอกชนตามคำตัดสินของสถาบันอนุญาโตตุลาการ และการชี้ของศาลปกครอง โดยไม่รอฟังผลการพิจารณาของศาลฎีกา รัฐบาลจะไม่สามารถทวงเงินที่จ่ายให้เอกชนคืนสู่รัฐได้อีกเลย เมื่อเป็นเช่นนั้นหากในอนาคตมีผู้ฟ้องร้องว่า รัฐบาลหละหลวมในการดำเนินการเรื่องนี้จนเป็นเหตุให้ประเทศชาติเสียหาย รัฐบาลชุดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อจำนวนเงินดังกล่าว" นางเพ็ญโฉม กล่าว

อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ในส่วนของโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านนั้นเกี่ยวข้องกับรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่ปี 2537 จึงเป็นโอกาสสำคัญของรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่จะยับยั้ง ทบทวน และชะลอไม่ให้โครงการดังกล่าวเป็นที่หากินของใครได้อีก ถ้ารัฐบาลตัดสินใจผิดก็ต้องผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เพราะมติ ครม.สามารถยับยั้ง เปลี่ยนแปลง หรือชะลอได้

"เนื้อที่บริเวณโครงการดังกล่าวเป็นแหล่งกำเนิดและอนุบาลหอยแต่ละชนิด และเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ แต่ผ่านมาแล้ว 18 ปี รัฐบาลไม่เคยคำนวณความเสียหายว่ามีมูลค่าเท่าใด และไม่เคยต่อสู้คดีอย่างจริงจัง" นางเพ็ญโฉม กล่าว

ด้านนางดาวัลย์ กล่าวว่า เกิดการคำถามขึ้นมาเมื่อ ครม.มีมติให้เบิกจ่ายงบประมาณแก่กลุ่มกิจการร่วมค้า NVPSKG ว่า ทำไมรัฐบาลต้องเร่งรีบจ่ายเงินค่าเสียหาย เพราะรัฐบาลกลัวหรือเอกชนกลัวกรณีโกงสัญญาที่ดินหรือไม่จึงเกิดการล็อบบี้ ซึ่งหากรัฐจริงจังกับการต่อสู้คดีก็มีแนวโน้มว่าจะชนะ

"คดีนี้นักการเมืองอาวุโสทุกคนรับรู้ว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง แต่รัฐบาลนี้ก็ไม่ได้ทำอะไร อีกทั้งไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐจะโยนให้องค์การจัดการน้ำเสียหรือจังหวัดเป็นผู้ดูแล เพราะโครงการนี้ตั้งในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม เครื่องบำบัดนำเสียน้ำที่นำมาใช้ก็ใช้ไม่ได้ หากทุ่มเงิน 300 ล้านบาทเพื่อศึกษาโครงการเห็นว่าไม่มีประโยชน์ เนื่องจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ศึกษาไว้แล้วในปี 2548 ขอยืนยันว่า ประชาชนตำบคลองด่านยังคงคัดค้านโครงการนี้" นางดาวัลย์ กล่าว

อดีตแกนนำประชาชนตำบลคลองด่าน เห็นว่า กลุ่มกิจการร่วมค้าฯ ได้ปกปิดข้อมูลสำคัญอันเป็นเหตุให้ คพ.พลาดพลั้งทำสัญญาว่าจ้างให้ดำเนินโครงการจนกลายเป็นความเสียหายบานปลายแก่ประเทศในที่สุด และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้รัฐบาลมีคำสั่งยกเลิกสัญญาโครงการนี้เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2546

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 พ.ย.58 มีมติเห็นชอบให้สำนักงบประมาณเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อชำระค่าเสียหายแก่บริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียตำบลคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด โดยแบ่งการชำระเงินออกเป็น 3 งวด คือ งวดแรก ภายในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2558 ชำระ 40% ของค่าเสียหายทั้งหมด เป็นเงินกว่า 3,174 ล้านบาท และอีกกว่า 21.71 ล้านเหรียญสหรัฐ, งวดที่ 2 ภายในวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ชำระ 30% ของค่าเสียหายทั้งหมด เป็นเงิน 2,380 ล้านบาท และอีกกว่า 16.88 ล้านเหรียญ และงวดที่ 3 ภายในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2559 ชำระ 30% ของค่าเสียหายทั้งหมด เป็นเงิน 2,380 ล้านบาท และอีกกว่า 16.88 ล้านเหรียญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ