"ไม่เคยคิดว่าในชีวิตจะต้องเจออะไรแบบนี้ เพราะในชีวิตผ่านการรบฝ่าดงระเบิดก็ผ่านมาได้ แต่กรณีนี้กระทบต่อชื่อเสียงที่สั่งสมมาตลอดชีวิต ที่ผ่านมาทำหน้าที่ปราบคนโกง ผู้มีอิทธิพล แต่กลับถูกตราหน้าว่าเป็นคนโกงเสียเอง โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์คิดว่าเป็นจุดแข็งของผม แต่ไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาจึงรู้สึกเป็นห่วง และต้องแก้กันเป็นห้วงๆไป ตอนนี้ทุกอย่างหยุดชะงัก หากเป็นแบบนี้ในระยะยาวจะเกิดความเสียหายต่ออุทยานขึ้น ผมอยากจะตั้งโต๊ะชี้แจงในกรณีที่เป็นปัญหา แต่เวลานี้ถือว่าไม่เหมาะสมแล้ว เพราะเหมาะที่จะให้คณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบแล้วจึงแถลง ทำงานก็งานกันไป รับเงินมาก็เป็นกระดาษแผ่นหนึ่ง แล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ทางการเงิน คนที่ใช้จ่ายก็ไปเบิกตามความเป็นจริง ตามแผนงานไม่มีอะไร มีแต่สิ่งดีๆทั้งนั้น เราก็เสียใจที่ทำสิ่งดีๆมาแล้วมาเป็นถึงขนาดนี้ ไม่ได้ห่วงใยตำแหน่งหรืออะไรหรอก งานที่ทำเราก็ทำไป ไม่ได้บอกว่าจะดีหรือไม่ดี แต่ต้องทำไปเรื่อยๆ" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
รมช.กลาโหม กล่าวว่า รู้สึกเสียดายที่การชี้แจงรายรับรายจ่ายของกองทัพบกครั้งที่แล้วไม่ได้นำรายละเอียดเกี่ยวกับรายรับรายจ่ายมาชี้แจงด้วย ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ทั้งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) สามารถตรวจสอบได้ เช่น การปลูกต้นปาล์มที่ได้รับบริจาคมานั้นและมีข่าวว่าต้นละ 3 แสนบาท แม้จะมีการชี้แจงจาก พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. แล้วแต่ยังไม่ชัดเจน เพราะมีบางคนยังตั้งแง่ทั้งที่การรับบริจาคนั้นเพื่อหาเงินเข้าโครงการทำด้วยกันหลายส่วน มีการจัดคอนเสิร์ต ส่วนที่ตนเองเคยพูดว่าอาจมีการหักค่าหัวคิวของโรงหล่อนั้น ไม่ได้หมายความว่าเป็นการยอมรับว่ามีการรับค่าหัวคิว แต่เหมือนกับค่าตอบแทนบางอย่างระหว่างบริษัทหนึ่งกับบริษัทหนึ่งที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่เกี่ยวกับกองทัพบก
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ระบุว่ามีอาจมีการทุจริตหักค่าหัวคิวนั้น พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ต้องถามว่าถูกต้องหรือไม่ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แล้วมีคนสองคนเดินมาหาแล้วนำซองเอกสารสีน้ำตาลบางๆมาให้ คุยกันอยู่สักพักเสร็จแล้วมาบอกว่าทุจริตแน่นอน มีที่ไหนเขาทำกัน จริงๆแล้วทำแบบนี้ผิดเพราะเป็นการชี้นำ เพราะกรรมการที่ตรวจสอบต้องหาคนผิดให้ได้ ต้องเป็นลักษณะที่ว่าเอาข้อมูลมาแล้วไปให้กับ สตง., ป.ป.ช. ไปไล่ดูแต่ละจุดว่ามีความผิดต่างๆอย่างไร ไม่ใช่ออกมาพูดแบบนี้
"อย่างนี้แสดงว่าอย่างไร เป็นนายพรานออกมาจากพุ่มไม้หรืออย่างไร เป็นนายพรานหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ผมไม่ได้ทะเลาะกัน แต่เขาพลาดพลั้งที่พูดไป ถามว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีวุฒิภาวะในตัวเองทุกคน จะต้องมีสติ ไม่ใช่มีธงในใจ พอนักข่าวถามก็ตั้งใจว่าเดี๋ยววันนี้จะฟันแน่ การเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ใช่มีเอกสารอยู่แค่นั้นแล้วจะมาบอกว่าผิดแน่นอน ต้องให้กรรมการเข้าไปตรวจสอบดูบัญชี" พล.อ.อุดมเดช กล่าว