นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) กล่าวว่า ปี 2559 จะเป็นปีแห่งการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โดย สปท.มีแนวทางในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ 6 ขั้นตอน คือ 1.การประชุม สปท.เมื่อวันที่ 21-23 ธ.ค. 2558 เป็นการรายงานแผนการปฏิรูปของคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศทั้ง 12 คณะ เพื่อให้ สปท.มีมติรับทราบและเห็นชอบให้ดำเนินการต่อไป 2.กมธ.แต่ละคณะจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเสนอเรื่องที่พร้อมจะปฏิรูป แนวทางปฏิบัติ พร้อมร่าง พ.ร.บ.ต่างๆ เข้าสู่ที่ประชุม กมธ.วิสามัญกิจการ สปท.(วิป สปท.) เพื่อพิจารณาบรรจุลงในระเบียบวาระ 3.วิป สปท. จะพิจารณาบรรจุวาระประชุม สปท. เพื่อขอมติว่าจะเห็นควรส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่
4.หาก สปท.มีมติส่งให้ ครม.ก็จะนำส่งไป โดยในทางปฏิบัติ คณะกรรมการประสานงานรวม 3 ฝ่าย ทั้ง ครม. สปท. และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) จะเป็นผู้ประสานกับหน่วยราชการต่างๆ 5.หากวิป 3 ฝ่ายประสานงานแล้วปรากฏว่ามีความเห็นต่าง จะมีข้อสังเกตกลับมายังวิป สปท.เพื่อส่งให้ กมธ.เจ้าของเรื่องนำกลับไปหารือและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง หากเรียบร้อยแล้วให้ส่งเข้าที่ประชุมวิป สปท. เพื่อพิจารณาบรรจุในระเบียบวาระอีกครั้ง และ 6.หากวิป 3 ฝ่ายเห็นด้วย หากเป็นร่างพ.ร.บ.จะส่งไปยัง สนช. หากเป็นเรื่องบริหารจะส่งไปยัง ครม. เพื่อขอมติเห็นชอบ จากนั้นจึงส่งให้คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน 6 คณะที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง เพื่อดำเนินการต่อไป
"สปท.จะทำงานอย่างยืดหยุ่น และประสานงานกับกระทรวงต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนและผลักดันงานด้านการปฏิรูปประเทศสำเร็จเป็นรูปธรรม ประเด็นปฏิรูปที่ สปท.กับกระทรวงต่างๆ ที่มีความต้องการตรงกัน สามารถนำเสนอแผนปฏิรูปต่อ ครม.ได้อย่างรวดเร็ว หากประเด็นใดมีความพร้อม มีข้อมูลครบถ้วน มีร่างกฎหมายชัดเจนแนบมาแล้ว และมีการประสานเพื่อให้กระทรวงและหน่วยงานเจ้าของเรื่องเห็นด้วยแล้ว หากมีองค์ประกอบพร้อมดังนี้สามารถเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีได้เลย หากมีประเด็นใดที่ทาง สปท. และกระทรวงต่างๆ ยังเห็นแย้งกัน ต้องปรับให้ข้อคิดเห็นนั้นให้สอดคล้องกัน จากนันเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการประสานงานในการติดตามความคืบหน้าเรื่องต่างๆ ที่เสนอไป" นายคำนูณ กล่าว