อย่างไรก็ตาม พล.ร.อ.พะจุณณ์ แจ้งว่ายังไม่ขอเข้ารับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าวในวันนี้ แต่มอบหมายให้นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ยื่นเอกสารขอให้พนักงานสอบสวนทบทวนการตั้งข้อหา และขอให้เพิกถอนหมายเรียกผู้ต้องหา เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม และขอให้พนักงานสอบสวนรอคำวินิจฉัยของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินที่ตนเองได้ไปร้องให้ตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินคดี และออกหมายเรียกผู้ต้องหาในครั้งนี้ว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
โดยเอกสารที่ยื่นต่อพนักงานสอบสวน ปอท.ระบุว่า พล.ร.อ.พะจุณณ์ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากตามข้อความที่ปรากฏผ่านสื่อมวลชน ไม่มีการเอ่ยชื่อบุคคลใดให้ได้รับความเสียหาย หรือกล่าวว่า สตช.มีส่วนรู้เห็น อีกทั้งการแสดงความคิดเห็นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นก็เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม แต่การออกหมายเรียกดังกล่าวโดยไม่มีการเชิญมาสอบถามข้อเท็จจริงก่อน ทั้งที่เป็นวิสัยที่สามารถกระทำได้ ทำให้ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตกเป็นผู้ต้องหา ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน ปอท.ได้รับเรื่องไว้พิจารณา แต่หลังจากนี้หากพนักงานสอบสวน ปอท.ยังยืนยันจะออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้งก็ได้ ทาง พล.ร.อ.พะจุณณ์ ก็ยินดีจะให้ความร่วมมือ
นอกจากนี้ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ยังยืนยันว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (4 มี.ค) ได้เข้าพบพูดคุยกับ พล.อ.เปรม ซึ่ง พล.อ.เปรม ก็แสดงความเป็นห่วงใยและอวยพรให้ตนเองโชคดี