พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการเปิดหลักสูตรให้กับผู้ที่มีความเห็นต่างกับการทำงานของรัฐบาลและ คสช. ว่า ตนเองเป็นคนเสนอแนวคิดนี้ เพราะที่ผ่านมามีการเรียกมาทำความเข้าใจแล้ว แต่เมื่อกลับไปก็มีพฤติกรรมเช่นเดิม ดังนั้นจึงต้องมีหลักสูตรนี้ขึ้นมาเพื่อบรมเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม การบริหารราชการแผ่นดินที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้มีการวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลด้วยข้อมูลที่ผิด
โดยขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงอยู่ระหว่างการจัดทำหลักสูตร และเมื่อมีการอบรมแล้วจะมีการประเมินผลในระยะต่างๆ หากผู้ที่มาอบรมแล้วยังมีพฤติกรรมเช่นเดิมก็จะต้องเรียกมาเข้าอบรมอีก เน้นทุกกลุ่มเป้าหมายที่แสดงความเห็นต่างที่นำไปสู่ความขัดแย้ง เพื่อแก้ไขปัญหาให้เกิดความสงบเรียบร้อยและทำให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้
"ผมก็จะให้เวลามาพูดคุย 3 วัน 5 วัน 7 วัน 15 วัน 30 วัน อบรมเรื่องการเมือง เรื่องธรรมาภิบาล ศีลธรรม คุณธรรมจริยธรรม เรียนหนังสือ สื่อมวลชนด้วย มีโควต้าเรียนด้วย แต่ก็ช่วยไม่ได้หรอก จะช่วยอะไรได้ คนสมองเป็นแบบนี้ จะช่วยอะไรได้ แต่อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องฟังพูดอยู่หลายวัน เดี๋ยวออกมาก็พูดใหม่อยู่แล้ว พูดใหม่ก็เรียกใหม่ อบรมใหม่ 3-4 รอบก็ได้ ผมไม่ได้เอาไปขังคุกเสียเมื่อไหร่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีคณะสงฆ์บางส่วนออกมาเคลื่อนไหวกดดันให้ปลด พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ออกจากตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อยื่นเรื่องมาก็จะพิจารณา แต่ยืนยันว่าจะไม่ปลด พล.อ.ไพบูลย์ เพราะที่ผ่านมาถือว่าได้ทำงานและให้เกียรติคณะสงฆ์
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการพลเรือน (กพร.) จะเสนอให้ขยายระยะเวลาเกษียณอายุราชการ จาก 60 ปี เป็น 65 ปี ว่า ยังไม่เห็นวาระดังกล่าวเสนอเข้ามา แต่ส่วนตัวเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็น เพราะขณะนี้ถือว่ามีอัตราข้าราชการมีมากอยู่แล้ว ซึ่งหากมีการเสนอเรื่องเข้ามาจะต้องมีคณะทำงานกลั่นกรองรายละเอียดของเรื่องต่างๆ ว่ามีความเหมาะสมหรือความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด