ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สั่งยกเลิกการชี้แจงการทำงานของ สปท.ต่อคณะทูตและองค์กรต่างประเทศในช่วงบ่ายวันนี้อย่างกระทันหัน หลังจากสมาชิก สปท.อภิปรายเห็นว่าการจัดชี้แจงบ่อยครั้งเกินไปจะทำให้เกิดความเบื่อหน่ายและขาดความน่าสนใจ พร้อมขอให้นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท.คนที่ 1 ระงับการพบปะพูดคุยกับพรรคการเมือง หลังถูกวิจารณ์ภายในสมาชิก สปท.ว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่เหมาะสม
การประชุม สปท.วันนี้ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท.ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ซึ่งก่อนเข้าสู่วาระการประชุม พล.อ.ฐิติวัฒน์ กำลังเอก สมาชิก สปท.ได้สอบถามถึงเหตุผลที่นายอลงกรณ์ เดินสายไปพบกับพรรคการเมือง 2 พรรคใหญ่ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย ว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นมติของที่ประชุม สปท.และเป็นอำนาจหน้าที่ของ สปท.หรือไม่ หรือเป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์หรือวัตถุประสงค์ใด
"ขณะนี้พรรคการเมืองไม่สามารถจัดกิจกรรมทางการเมืองใดๆ ได้ จึงไม่ทราบว่าการไปพบกันจะมีประโยชน์อย่างไร ประเทศต้องมีความศรัทธาและระเบียบวินัย เพื่อไม่ให้สังคมล่มสลาย และต้องมีธรรมาภิบาล มีความจริงใจในการปฏิบัติงาน" พล.อ.ฐิติวัฒน์ กล่าว
ด้านนายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิก สปท.อภิปรายต่อว่า ระยะเวลาที่เหลือของ สปท.หากไม่มีใครหารือหรือพูดคุยการทำงานให้เป็นที่เข้าใจตรงกันจะทำให้การทำงานไม่มีเสถียรภาพ เนื่องจากมีสมาชิกหลายคนได้มาหารือกันเพราะเป็นห่วงเรื่องการทำงานของ สปท.ว่าเวลาที่เหลืออยู่จะทำอย่างไรให้การขับเคลื่อนมีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพอใจ และเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงประเทศสำเร็จ ซึ่งการทำงานของ สปท.ขณะนี้กำลังถูกจับตามองว่าทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แล้วหรือไม่
พร้อมกันนี้ ยังไม่เห็นด้วยกับการที่ สปท.จัดการชี้แจงกับทูตานุทูตประเทศต่างๆ บ่อยครั้งเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความน่าเบื่อหน่าย และไม่เห็นความสำคัญในการทำงานของ สปท. แม้จะยอมรับว่าการชี้แจงให้ต่างประเทศรับทราบถึงการที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นของประเทศไทยนั้นเป็นเรื่องดี แต่ต้องไม่ใช่การจัดชี้แจงที่ถี่เกินไป
"ผมได้รับหนังสือให้เข้าร่วมบรรยายให้ทูตานุทูตฟังในครั้งที่ 3 ซึ่งการที่จะให้ สปท.ชี้แจงกับทูตานุทูตกับประเทศต่างๆ เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ดี เพื่อให้ทูตานุทูตได้เห็น ได้พบ ได้ทราบว่าเราไม่ได้นิ่งนอนใจกับการที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งการพบกันครั้งแรกไมได้ติดขัดเท่าไร เพราะเชื่อว่าจะได้เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศเพื่อช่วยกันประคับประคองให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ แต่การเชิญทูตานุทูตครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 โดยผู้บรรยาย คือ รองประธาน สปท.คนที่ 1 จึงมีข้อสังเกตว่าการจัดครั้งนี้มีการหารือกับประธาน สปท.หรือไม่ และการเชิญมาเป็นสิ่งที่เราทำเพื่อการปฏิรูปหรือไม่ ผมมองว่าทำให้เสียเวลา ทำให้ทูตเบื่อหน่าย ไม่เห็นความสำคํญของเรา เพราะเราจัดถี่เกินไป"นายเสรี กล่าว
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิก สปท.กล่าวว่า การดำเนินการใดๆ ไม่ว่าจากรองประธานคนที่ 1 และคนที่ 2 หรือการไปพบนักการเมืองนั้น ร.อ.ทินพันธ์ ในฐานะประธาน สปท.จะทราบหรือไม่ทราบ แต่ถือเป็นความรับผิดชอบโดยตรง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นคงจะไม่สามารถปฏิเสธได้
"การออกไปพบปะตรงๆ แต่บอกไม่ได้คุยเรื่องการเมือง คุยเรื่องปฏิรูป อมโบสถ์รวมทั้งศาลาการเปรียญใครจะเชื่อ...การประชุมกับพรรคการเมืองต้องให้ สปท.เชิญไป อะไรหมิ่นเหม่ สปท.ไม่ควรทำ การกระทำบางเรื่องเหมาะกับการเมือง แต่ยุคนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่มีบางคน บางกลุ่ม บางพวก ใช้ตำแหน่งเพื่อประโยชน์ทางการเมือง แต่ผลกระทบโดยรวม กระทบกับประธานโดยตรง" นายวันชัย ระบุ
โดยท้ายสุด ร.อ.ทินพันธ์ ประธาน สปท. ระบุว่า ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาภายใน จึงขอรับไปแก้ไขเป็นการภายใน ส่วนในเรื่องการพบทูตต่างประเทศในช่วงบ่ายวันนี้และการพบปะกับพรรคการเมืองนั้น ได้ตัดสินใจสั่งระงับไปแล้ว