พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แนะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องน้อมนำศาสตร์พระราชา และพระราชกระแสรับสั่งให้รัฐบาลดูแลประชาชนให้มีความสุขมากที่สุดมาเป็นแนวทางในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 และการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 เพิ่มเติม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ประเทศกำลังเดินไปข้างหน้า จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วนประสานงานให้สอดคล้องและมองอนาคตวางแผนอย่างยั่งยืนด้วยกัน โดยไม่คำนึงถึงตัวตนและวัฒนธรรมองค์กรมากเกินไป ประเทศไทยแม้จะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ถือเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาคที่จะต้องพัฒนาศักยภาพให้ได้สูงสุดในทุกมิติ เนื่องจากในอนาคตจะมีโครงการต่างๆ ที่สำคัญเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน สร้างความหวัง สร้างอนาคตให้กับประเทศไทย ให้สมกับที่ประชาชนฝากความหวังไว้
"วันนี้ทุกภาคส่วนมาประชุมนำแผนงบประมาณปี 2560 เพื่อมาปรับปรุงแก้ไขและเปลี่ยนแปลงไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้นเพราะที่ผ่านมามีปัญหามากพอสมควร เราจึงต้องน้อมนำศาสตร์พระราชา 3 ห่วง 2 เงื่อนไขมาปฎิบัติให้ได้ โดยเน้นหลักเศรษฐกิจพอเพียง พอประมาณ ภายใต้หลักคุณธรรม มาใช้ในการปฎิบัติงาน ขณะที่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือภูมิคุ้มกันมีความรู้จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราเกิดการพัฒนาไม่ล้มเหลวอย่างที่ผ่านมา รวมถึงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายจะต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ให้ประเทศไทยพัฒนาไปอย่างยั่งยืน"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการทั้งหมดนั้นเป็นการพัฒนาระยะยาว เพื่อทำโครงสร้างพื้นฐานประเทศเชื่อมโยงทุกมิติเพื่อก้าวสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนให้ประเทศตั้งหลักเป็นประเทศที่พัฒนาเท่าเทียมกับประเทศอื่นๆ ซึ่งนับจากนี้ไปประเทศไทยจะต้องไม่นำเอาปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมาสร้างทำให้เกิดอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ และอยากให้ทุกคนนึกภาพว่าหากประเทศไทยอยู่ท่ามกลางอนาคตที่สดใสและมีการพัฒนา
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีย้ำถึงการวางแผนจัดทำงบประมาณประจำปี 2561 จะต้องน้อมนำศาสตร์พระราชา โดยเฉพาะปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เป็นหลัก โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้รัฐบาลดูแลประชาชนให้มีความสุขมากที่สุด โดยน้อมนำแนวทางของรัชกาลที่ 9 มาสานต่อ โดยเฉพาะการศึกษา สาธารณสุข การพัฒนาคุณภาพชีวิต เพิ่มรายได้ และทำให้ประเทศเกิดความสงบสุข สันติ ไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งรัฐบาลและทุกภาคส่วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และพร้อมปฎิบัติตามพระราชปณิธาน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณใช้ระบบตะวันตกคู่ขนานกับตะวันออกไปพร้อมกันตามแนวทางของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยเน้นหลักพอเพียง มีภูมิคุ้มกันที่ดีภายใต้ คุณธรรม นำไปสู่การปฎิบัติให้ได้ รวมถึงต้องเน้นสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มจังหวัดมีการเชื่อมโยงในทุกระบบ เพื่อความสุขของประชาชน จึงจะถือเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบประมาณสำหรับในปี 2561 นี้จะเพิ่มเติมให้กลุ่มจังหวัดเพื่อคิดโครงการที่ไม่เคยทำให้เกิดประโยชน์แบบบูรณาการโดยดึงประชาชนเป็นศูนย์กลาง แต่ทุกหน่วยงานต้องไปคิดมา และมานำเสนอของบประมาณต่อไป พร้อมทั้งได้สั่งกลางที่ประชุมว่า จะออกคำสั่งให้สำนักปลัดกระทรวงทุกกระทรวงแต่งตั้งบุคคลขึ้นมาทำหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการงบประมาณาของแต่ละกระทรวงเป็นการเฉพาะและบุคลเหล่านี้จะต้องชี้แจงและสามารถตอบคำถามให้ได้หากมีการเรียกมาสอบถามถึงความคืบหน้า ซึ่งหลังจากนี้ตนจะมีการเรียกประชุม หากบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งจากปลัดกระทรวง ไม่สามารชี้แจงได้ ปลัดกระทรวงต้องตอบคำถามให้ได้หากตอบไม่ได้ก็อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวปลัดกระทรวง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้สถานการณ์ประเทศจะเริ่มผ่อนคลาย แต่ยืนยันยังไม่ปลดล็อดให้กลุ่มพรรคการเมืองเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมใดได้ตราบใดที่ยังไม่ให้ความร่วมมือ หรือให้ความคิดเห็นร่วมกับรัฐบาลและอาจจะล็อคให้แน่นกว่าเดิมอีก หลังจากที่ผ่านมา กลุ่มการเมืองพยายามที่จะร้องขอให้ คสช. เปิดโอกาสให้จัดกิจกรรมทางการเมือง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้มอบนโยบายเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 เพิ่มเติม วงเงิน 190,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้ดำเนินโครงการตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ในการขับเคลื่อนการพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างยั่งยืน ตามศักยภาพพื้นที่พัฒนาอาชีพ ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตประชาชนในทุกภูมิภาค วงเงินประมาณ 100,000ล้านบาท ซึ่งกลุ่มจังหวัดจะประชุมร่วมกับกระทรวง กรม และ หน่วยงานกลางด้านโยบาย จัดทำข้อเสนอโครงการให้เสร็จภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2559 โดยจะต้องเป็นโครงการที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ ไม่ใช่การเฉลี่ยแบ่งกันระหว่างจังหวัด, อำเภอ, ตำบล, หมู่บ้าน โดยสำนักงบประมาณจะจัดทำร่างพระราชบัญญัติเสนอคณะรัฐมนตรี ภายในวันที่ 17 มกราคม 2560