รมช.พาณิชย์คนใหม่ ตั้งเป้าหมายทำงานมุ่งผลักดันนโยบายรัฐบาลให้เป็นรูปธรรม-ผลักดัน SMEs ไทยให้แข่งขันได้

ข่าวการเมือง Wednesday December 21, 2016 13:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ คนใหม่ กล่าวภายหลังเดินทางเข้ากระทรวงพาณิชย์ว่า นโยบายสำคัญที่ได้รับมอบหมายในการรับตำแหน่งคือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้า ซึ่งรัฐบาลอยากเห็นปี 60 เป็นปีของการทำงานเป็นรูปธรรม ต้องเห็นผลงานชัดเจน ภายหลังช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอยู่ในระยะเวลาของการปรับตัวและวางโครงสร้าง

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้นโยบายกำชับให้ช่วยดูแลเศรษฐกิจทุกๆ ด้านที่รัฐบาลได้วางโครงสร้างไว้ มาผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในปี 60 เพราะถึงเวลาของการผลักดันโครงการงานต่างๆ ให้เกิดขึ้นทันที เพื่อจะทำให้ประเทศสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ ทั้งเรื่องของการส่งออกและการทำธุรกิจในประเทศ โดยยกตัวอย่างงานที่จะต้องดำเนินการให้เห็นชัดในปีหน้านั้น เช่น เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันกับต่างประเทศ รวมถึงส่งเสริมการค้าทั้งภายในและต่างประเทศ

นอกจากนี้จะต่อยอดการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ให้สามารถแข่งขันในระดับต่างประเทศ และสอดคล้องไปกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลที่ต้องการพัฒนาขีดความสามารถภายในประเทศให้เข้มแข็งและวางรากฐานเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งเมื่อตอนทำงานอยู่ที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่อง SMEs มาเช่นกัน

"ช่วงเวลาที่ผ่านมาเศรษฐกิจเราไม่ได้แย่ ดีกว่าประเทศอื่นด้วยซ้ำไป เรามีขีดความสามารถทางการแข่งขัน แต่ที่เห็นว่าค่าครองชีพไม่ดี สินค้าแพง แต่อัตราเงินเฟ้อเราก็ยังต่ำ สถานการณ์ที่ผ่านมาจึงเป็นภาวะของผลกระทบทั้งโลก เห็นได้จากสหรัฐฯ เองก็กีดกันทางการค้า การลงทุน เพราะเศรษฐกิจไม่ดี โดยสรุปแล้วภาพรวมประเทศ เราไม่ได้แย่อย่างที่คิด เราอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น แต่รัฐบาลนี้ไม่ได้เน้นเติบโตแบบหวือหวา แต่เน้นเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมาเราก็อยู่ในช่วงของการวางรากฐานเศรษฐกิจ" นายสนธิรัตน์ กล่าว

รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า สิ่งที่ภาครัฐดำเนินการวางรากฐานเศรษฐกิจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมอนาคต (New S-curve) การวางโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค อินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน และนโยบายไทยแลนด์ 4.0 รวมไปถึงการเร่งผลักดันให้เกิดระเบียงเศรษฐกิจ (อีอีซี) ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา และได้รับการยอมรับในระดับสากล ถือว่าเป็นนโยบายที่เดินมาถูกทางแล้ว โดยสิ่งเหล่านี้เป็นการปรับฐานเศรษฐกิจไทยครั้งใหญ่และจะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจในอนาคตของไทยดีขึ้นอย่างยั่งยืน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ