ศาลฎีกา พิพากษายืนยกฟ้อง"อภิสิทธิ์-สุเทพ"คดีสลายม็อบนปช.ปี 53 เหตุไม่อยู่ในอำนาจศาลอาญา

ข่าวการเมือง Thursday August 31, 2017 11:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศาลฎีกา พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในความผิดฐานร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำหรือฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา กรณีออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าขอคืนพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 เนื่องจากเห็นว่าขั้นตอนการพิจารณาสำนวนไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นคดีที่ไม่อยู่ในอำนาจของศาลอาญา

เนื่องจากคดีนี้เป็นเรื่องของการกระทำผิดต่อตำแหน่งราชการ ไม่ใช่การกระทำทางอาญาที่กระทำโดยส่วนตัวหรือนอกเหนือหน้าที่ราชการ จึงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่จะทำการสอบสวน ไม่ใช่หน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ใช่ศาลอาญา

โดยคดีนี้อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เป็นจำเลยที่ 1 และนายสุเทพเป็นจำเลยที่ 2 ในความผิดดังกล่าว ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้อง หลังจากพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ และเป็นอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ไต่สวนและฟ้องร้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีจึงไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจศาลอาญา

ซึ่งโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ว่า แม้นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพจะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องในความผิดต่อหน้าที่ แต่ฟ้องในข้อหาร่วมกันใช้ให้ผู้อื่นกระทำหรือฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามสำนวนคดีของ DSI ซึ่งน่าจะอยู่ในอำนาจของศาลอาญา

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพไม่ได้ออกคำสั่งในฐานะส่วนตัว แต่ออกคำสั่งในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีตามลำดับ ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งมานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย มีคำสั่งให้ยกฟ้อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ