พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมดวยคณะรัฐมนตรี อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี, นายวีรศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางมาที่สนามช้างอารีน่า จังหวัดบุรีรัมย์ โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีมาถึงก็มีเสียงให้การต้อนรับจากประชาชนทั่วทั้งสนามกว่า 3 หมื่นคน ขณะที่นายกรัฐมนตรีเดินโบกมือทักทายให้ประชาชนรอบขอบสนาม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นโอกาสแรกที่มาเยี่ยมชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เห็นหลายอย่างมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ การเกษตร ผ้าไหม และการพัฒนาด้านอื่น ๆ พร้อมชื่นชมที่ได้เห็นความรักความสามัคคี ตลอดระยะเวลาที่เป็นรัฐบาลมา 4 ปีไม่เห็นถึงการแบ่งแยกแบ่งสี ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ต้องการ และเน้นย้ำว่าการมาวันนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องการเมือง แต่เพื่อมาชี้แจงว่า สิ่งที่ทำให้เกิดความเข้มแข็งอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งบุรีรัมย์ เป็น 1 ใน12 เมืองห้ามพลาด จะต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมให้ไทยเป็นที่รู้จักในเวทีโลก และเชื่อมโยงต่างประเทศให้มาท่องเที่ยวทั้งปี
พร้อมกับหวังยกระดับพัฒนาให้จังหวัดบุรีรัมย์เป็นเมืองกีฬาหรือสปอร์ตซิตี้ และจัดตั้งมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ รวมถึงการสร้างศูนย์ทางการแพทย์
ส่วนเรื่องของการเกษตรแนะนำต้องปรับเปลี่ยนการเพาะปลูก ลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งสนับสนุนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อาทิ ท่าอากาศยาน การก่อสร้างถนน เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางจังหวัด เน้นการกระจายรายได้สู่การท่องเที่ยว ส่วนโครงการที่เสนอมามากกว่า 200 โครงการ มูลค่าถึง 2 หมื่นล้านบาท รัฐบาลพร้อมพิจารณาในโครงการที่สามารถทำได้ แต่บางโครงการอาจต้องพิจารณาต่อไป และยืนยันส่วนตัวรักทุกคน รัฐบาลนี้ต้องการสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้น เพื่อต้องการให้ประเทศเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน และยืนยันไม่ได้ดีแต่พูดหรือปากหวานและพร้อมขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ซึ่งไม่ใช่แต่จังหวัดบุรีรัมย์ แต่ทุกจังหวัดต้องเติบโตไปด้วยกัน โดยยึดหลักไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขอให้ชาวบุรีรัมย์เป็นตัวอย่างที่ดีในการทำความดีแบบไทยนิยม จะต้องพัฒนาฐานรากที่เข้มแข็ง เน้นการมีส่วนร่วมผ่านโครงการประชารัฐ และไทยนิยม โดยยืนยันรัฐบาลไม่เคยปิดกั้น แต่จะมากดดันให้ยกเลิกคำสั่ง คสช. เป็นเรื่องยาก เนื่องจากไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งขึ้น พร้อมเน้นย้ำเรื่องความเท่าเทียม ประชาชนทุกคนต้องมีโอกาสเข้าถึงการบริการอำนวยความสะดวกในภาครัฐ และประชาชนต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น