พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่ได้ออกมาพูดว่าสนใจงานการเมืองว่า ไม่อยากให้ตีความคำว่า "สนใจการเมือง" กันไปไกล เพราะในความหมายของตน คือ การปฏิรูปประเทศ และยุทธศาสตร์ชาติจะเดินหน้าต่อไปในอนาคตอย่างไร เนื่องจากต้องการให้สานต่องานเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกำลังพิจารณาข้อกฏหมาย ทั้งรัฐธรรมนูญและกฏหมายลูกต่างๆ ว่าจะเข้าไปมีส่วนร่วมได้อย่างไร
ส่วนถ้าพรรคการเมืองจะเสนอชื่อตามบัญชีของพรรคให้ตนเป็นนายกกรัฐมนตรีนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ถือเป็นเรื่องของอนาคต เพราะจะต้องศึกษาข้อกฏหมาย และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วย ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการทาบทามจากพรรคการเมืองใด และหากได้รับการทาบทาม ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะตอบรับหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการที่รัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลชุดนี้ จะไปร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐว่า สามารถทำได้ หากไม่ขัดต่อข้อกฏหมาย ซึ่งรัฐบาลก่อนหน้านี้ก็เคยทำในลักษณะเดียวกัน โดยขออย่ามองว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร เพราะการทำงานของรัฐบาลนี้ก็ไม่แตกต่างจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และรัฐบาลที่ถูกมองว่าเข้ามาโดยไม่ปกติ กลับได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ซึ่งรัฐบาลปกติสามารถดำเนินการได้แบบรัฐบาลนี้หรือไม่ ซึ่งรัฐบาลนี้ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมทั้งปลดล็อกอุปสรรคในการเข้ามาทำงาน
ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ที่ถูกมองว่าเป็นการหาเสียงล่วงหน้านั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ต่างๆ ไม่ได้มุ่งหวังผลทางการเมือง ซึ่งตนได้เดินทางลงไปในทุกพื้นที่อย่างทั่วถึง และไม่ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อหวังผลในทางการเมือง แต่เป็นไปตามแผนงานและโครงการเดิมที่มีอยู่ในแต่ละกลุ่มจังหวัด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภายหลังประกาศจุดยืนทางการเมืองแล้ว มีความสบายใจมากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็สบายใจมาโดยตลอด เพราะอยู่ด้วยแรงศรัทธาของตนและคนที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากไม่มีแรงศรัทธาก็ไม่สามารถทำอะไรให้เกิดขึ้นได้ และอยากให้ทุกคนมองหาสิ่งดีๆ ของรัฐบาลให้เจอว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไว้บ้าง ซึ่งที่ผ่านมา เคยถูกตั้งคำถามจากผู้นำต่างประเทศ ถึงอนาคตทางการเมืองของตนว่าจะลงเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งตนไม่ได้ตอบในประเด็นเหล่านี้ เพราะเป็นเรื่องสถานการณ์ภายในประเทศของเรา แต่ทั้งนี้ ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้หลักการประชาธิปไตย
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุม คสช.วันนี้ ได้หารือถึงแนวทางการสานต่องานของรัฐบาลให้มีความต่อเนื่อง ทั้งการปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติ พร้อมวางรากฐานให้รัฐบาลชุดต่อไปที่มาจากการเลือกตั้งต้องสามารถสานต่องานได้อย่างราบรื่น ขณะเดียวกันไม่กลัวแรงเสียดทานจากนักการเมืองที่วิพากษ์วิจารณ์ เพราะตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ได้ทำความเข้าใจ อดทนและปรับตัว ซึ่งแม้จะมีอาการหงุดหงิดบ้างก็ถือเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้ ไม่ว่าตนจะเป็นนักการเมืองหรือไม่ ก็ต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้ ไม่เช่นนั้นอาจมีผลต่อสุขภาพที่เป็นผลมาจากความเครียด
"ผมไม่กลัวหรอก ผมอยู่กับท่านมา 4 ปีแล้ว ผมพยายามอดทน ทำความเข้าใจ บางครั้งก็หงุดหงิดบ้างเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ผมก็ปรับตัวมาโดยตลอด 4 ปี ผมก็พัฒนามามากพอสมควร เสียงก็นุ่มนวลขึ้นไม่ดุเดือด พอแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็น หรือไม่เป็นอะไรต่างๆ ต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่ผมจะตายก่อน เพราะเครียดมากๆ ผมก็ตายเอง เพราะทุกคนมารุมผมคนเดียว แต่ผมก็รับได้" นายกรัฐมนตรีกล่าว