พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีกลุ่มเปอร์มัสเยาวชน จ.ปัตตานี ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกกฎอัยการศึกว่า ในพื้นที่ใดก็ตาม ไม่ว่าจะในประเทศไทยหรือประเทศอื่นๆ ยังมีการใช้กฎหมายพิเศษในด้านความมั่นคงทั้งสิ้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานและดูแลความปลอดภัยในภาพรวมได้ และเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เกิดในทุกพื้นที่ แต่ตราบใดที่ยังมีคนที่จ้องจะกระทำความผิดก็ต้องมีมาตรการให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ ซึ่งกฎหมายปกตินั้นไม่สามารถใช้ได้ในบางสถานการณ์ และต้องใช้อำนาจพิเศษเมื่อสถานการณ์มีความรุนแรงหรือมีความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น
ทั้งนี้หากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเกินกว่าเหตุหรือละเมิดสิทธิมนุษยชนก็มีกฎหมายดูแลอยู่ หากมีการละเมิดก็จะถูกลงโทษ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดต้องปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง
ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ภาคใต้ที่ออกมาเรียกร้องนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ก็ได้มีการออกมาแสดงความเห็นด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนหนึ่งต้องการความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้นหากจะมีการเปิดช่องให้มีโอกาสสร้างความไม่ปลอดภัยก็จะทำให้การแก้ปัญหาพื้นที่ภาคใต้เป็นไปได้ยาก
ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่อยากให้สถานการณ์ต่างๆ ลุกลามบานปลาย และต้องฟังประชาชนในพื้นที่ด้วย ไม่ใช่ฟังเฉพาะนิสิตนักศึกษาเท่านั้น ขอให้ประชาชนในพื้นที่ช่วยกันทำความเข้าใจ และขออย่าให้เกิดความขัดแย้งหรือความรุนแรงต่อกัน
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียมีคำสั่งเปลี่ยนตัวผู้อำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฝ่ายไทยกำลังพิจารณาเรื่องดังกล่าวว่าจะทำอย่างไรในกรณีมีการปรับเปลี่ยนตัว ซึ่งต้องหาวิธีการที่เหมาะสม ขณะที่ไทยยังไม่ยืนยันว่าจะมีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคลหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมามีการหารือร่วมกับมาเลเซียมาโดยตลอด และนายกรัฐมนตรีมาเลเซียมีความเห็นว่า ต้องดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการอำนวยความสะดวกต่อสองประเทศให้มากที่สุด ซึ่งอาจจะใช้โอกาสที่ได้พบกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในช่วงปลายเดือนหน้าหารือในประเด็นนี้