สนช.เห็นชอบ กม.สภาพัฒนาฯ เปิดทางบุคคลอายุเกิน 75 ปีเป็นกรรมการได้

ข่าวการเมือง Friday October 12, 2018 15:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเอกฉันท์ 186 คะแนนเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในวาระ 2 และ 3 ให้ประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวกฎหมาย

สำหรับสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ. คือ มาตรา 6 การให้มีสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประกอบด้วย ประธานสภา 1 คน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกิน 15คน ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ในทางเศรษฐกิจและสังคมตามที่คณะรัฐมนตรี และให้ปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราการ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้อำนวยสำนักงบประมาณ และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการสภา

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการวิสามัญของสนช. ได้แก้ไขถ้อยคำในร่างกฎหมายที่แตกต่างไปจากร่างกฎหมายที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอมาให้ สนช.ในคราวแรก เช่น มาตรา 8 คณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขถ้อยคำให้บุคคลที่มีอยู่เกิน 75 ปีสามารถดำรงตำแหน่งประธานสภาและกรรมการสภาฯได้ จากเดิมที่ ครม.บัญญัติห้ามเอาไว้

เช่นเดียวกับมาตรา 17 วรรค 3 เดิม ครม.กำหนดให้เมื่อร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติผ่านความเห็นชอบของ ครม.แล้วจะต้องส่งให้รัฐสภารับทราบก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำร่างแผนพัฒนาฯขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป แต่คณะกรรมาธิการวิสามัญปรับแก้ โดยให้รัฐสภามีสิทธิรับทราบร่างแผนพัฒนาฯ ภายหลังนายกฯนำร่างแผนพัฒนาฯขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว

นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ สมาชิก สนช.ในฐานประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ ชี้แจงว่า กรณีของมาตรา 17 วรรค 3 สาเหตุที่คณะกรรมาธิการวิสามัญต้องแก้ไข เนื่องจากเห็นว่าหากเกิดกรณีที่รัฐสภาไม่รับทราบร่างแผนพัฒนาฯ จะมีปัญหาว่าใครจะเป็นคนนำขึ้นทูลเกล้าฯ และร่างแผนพัฒนาฯ จะสามารถประกาศใช้ได้เมื่อไหร่ อีกทั้ง ประเพณีปฏิบัติที่ผ่านมาไม่มีการนำเอาร่างแผนพัฒนาฯมาให้เข้าที่ประชุมรัฐสภาเพื่อแจ้งให้รัฐสภาทราบ

ขณะที่ในการอภิปรายของสมาชิก สนช. ปรากฎว่ามีสมาชิก สนช.หลายคนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 17 วรรค 3 ในลักษณะดังกล่าว เนื่องจากจะเป็นการทำให้กระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนผ่านทางผู้แทนราษฎรหายไป จึงคิดว่าควรแก้ไขใหม่เพื่อให้รัฐสภารับทราบร่างแผนพัฒนาฯก่อนที่นายกฯจะนำขึ้นทูลเกล้าฯตามที่ ครม.ได้กำหนดเอาไว้เดิม เพื่อให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมกับการจัดทำแผนพัฒนาฯ เพราะการให้รัฐสภารับทราบนั้นไม่ได้ผลต่อการเปลี่ยนสาระสำคัญในร่างแผนพัฒนาฯแต่ประการใด

อย่างไรก็ตาม นายวุฒิศักดิ์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมกสนช.ว่า ภายหลังคณะกรรมาธิการวิสามัญได้หารือกันแล้ว และมีความเห็นว่าเมื่อไม่เคยมีแนวปฏิบัติที่ให้รัฐสภารับทราบร่างแผนพัฒนาฯ จึงสมควรตัดกระบวนการการให้รัฐสภาทำการรับทราบออกไปจากมาตรา 17 วรรค 3

ต่อมา ที่ประชุมสนช.มีมติเสียงข้างมาก 93 ต่อ 87 เห็นควรให้คงมาตรา 17 วรรค 3 ไปตามเดิมตามที่ครม.เสนอ คือ เมื่อร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติผ่านความเห็นชอบของ ครม.แล้วจะต้องส่งให้รัฐสภารับทราบก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะนำร่างแผนพัฒนาฯขึ้นทูลเกล้าฯ


แท็ก ประธานสภา  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ