พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการเปิดเพจเฟซบุ๊คส่วนตัว "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha" Government Official ว่า มีกระแสตอบรับดี โดยมีทั้งคนที่เข้ามาต่อว่าและชื่นชม ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา
"มีทั้งด่าทั้งชมก็เป็นเรื่องธรรมดา..ก็ดีนี่ ดูเอาเอง...คนที่ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่ว่าจะพูดอะไร ทำอะไรดีๆ ก็ไม่ชอบอยู่ดี เพราะฉะนั้นต้องไปดูว่า สิ่งที่เขาตำหนิมา ใช่ข้อเท็จจริงหรือไม่ ถ้าใช่ข้อเท็จจริงเราก็แก้ไข อันไหนที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงก็ชี้แจงได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ล่าสุด เฟซบุ๊ค "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha" มีผู้กดไลค์ 143,819 คน และมีผู้ติดตาม 151,152 คน
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุผลในการเปิดช่องทางการสื่อสารผ่านทางโซเชียลมีเดียว่า ตนเองถือเป็นมือใหม่ และเมื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล และการเดินหน้าตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งตนเองถือเป็นคนในยุคเบบี้บลูมเมอร์ (กลุ่มบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 49 ปีขึ้นไป) ที่อาจไม่เก่งเรื่องโซเชียลจึงจำเป็นต้องปรับตัวและใช้ให้เป็น เพราะปัจจุบันมีการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งถือเป็นการเปิดช่องทางให้ประชาชนอีกช่องทางหนึ่งในการวิพากษ์วิจารณ์ตนเองได้ ซึ่งมีทั้งคนที่เข้ามาชมและเข้ามาต่อว่า เรื่องใดที่เป็นประโยชน์จะนำมาพิจารณาดำเนินการ และตนเองต้องเปิดใจกว้างให้มากขึ้น และต้องยอมรับฟังคำติชม แต่ขอเพียงว่า ให้ใช้คำสุภาพ เพราะหากใช้คำไม่สุภาพ อาจส่งผลต่อเยาวชนที่เข้ามาติดตามได้
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยถ้อยคำรุนแรงนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากจะเอาผิดก็สามารถทำได้ทั้งหมด ที่มีการแสดงความเห็นด้วยคำไม่สุภาพ ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิตสำนึกว่าอยากให้ลูกหลานที่มาเห็นเป็นเช่นนั้นหรือไม่ และอยากให้ช่องทางสื่อสารนี้เป็นช่องทางที่บริสุทธิ์ ให้เยาวชนสามารถแสดงความเห็นได้
ทั้งนี้ตนเองยอมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้เพราะไม่ได้เป็นอย่างเช่นที่กล่าวหา และไม่ได้โกรธใคร ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยฟ้องร้องใคร แต่ต้องพิจารณาหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิส่วนบุคคล และบิดเบือนข้อเท็จริง ซึ่งตนเองจะอดทนให้ถึงที่สุดเพราะเป็นนายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเปิดเพจเฟซบุ๊คครั้งนี้ไม่ได้ใช้งบประมาณใดๆ เป็นการเปิดแบบปกติเช่นเดียวกับคนทั่วไปซึ่งไม่มีค่าใช้จ่าย และเชิญชวนขอให้ทุกคนไปกดไลค์ (like) และขอให้ติชมในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่หยาบคาย อะไรที่ตนเองตอบได้ก็จะตอบ ซึ่งมีรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะทำงานติดตามเรื่องนี้ โดยจะรวบรวมข้อซักถามต่างๆ มาทุก 3-5 วัน และตนเองจะเป็นผู้ตอบข้อซักถามด้วยตนเอง ส่วนที่ตั้งชื่อเพจโดยไม่มียศนำหน้านั้นเพราะต้องการให้สั้นกระชับที่สุด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเปิดเพจต่างๆ ไม่ได้เป็นการหาเสียงหรือเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น เพราะพรรคการเมืองต่างๆ ก็ดำเนินการเช่นนี้ได้ จึงขอให้ความเป็นธรรมสำหรับตนเองด้วย อีกทั้งไม่ได้ปิดกั้นการลงพื้นที่หรือการจัดกิจกรรมของพรรคการเมืองต่างๆ แต่การดำเนินการต้องเป็นไปตามกฎหมายและความเหมาะสม ไม่ทำให้เกิดความรุนแรง ซึ่งขณะนี้ คสช.ก็ได้อนุโลมไปหลายเรื่อง
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร เข้ามาแสดงความคิดเห็นในอินสตาแกรม ว่า ขอบคุณทุกความเห็น ใครให้กำลังใจตนเองก็จะให้กำลังใจกลับเช่นกัน เพราะตนเองไม่ใช่ศัตรูของใคร และหากใครมีปัญหาทางกฎหมายก็ให้ไปต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม และตนเองจะไม่เข้าไปก้าวล่วง ทุกอย่างทำตามหลักฐานที่มีอยู่