นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ภายหลังจากยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีโดยได้ฝากให้ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าทำงานตามที่ได้วางโครงสร้างไว้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก่อนที่จะมีรัฐบาลใหม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการ และประชาชน เพราะกระทรวงพาณิชย์เป็นกระทรวงสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ
"ผมทำงาน โดยเอางานเป็นตัวตั้ง เมื่องานในหน้าที่สำเร็จ ก็ถึงเวลาเหมาะสมที่จะลาออก ซึ่งงานสุดท้ายที่สำเร็จ คือ การใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งยกเลิกคำขอจดสิทธิบัตรกัญชา ที่ออกเมื่อวานนี้ (28 ม.ค.) จึงได้บอกกับอีก 3 รัฐมนตรีว่าถึงเวลาที่จะลาออกแล้ว การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ได้ใช้เหตุผลทางการเมือง แต่ใช้เหตุผลของความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้ทำสำเร็จลุล่วงแล้ว ส่วนใครจะรักษาการแทน อยู่ที่การพิจารณาของนายกรัฐมนตรี แต่กระทรวงพาณิชย์ยังมี รมช.พาณิชย์ที่ยังทำงานอยู่" นายสนธิรัตน์ระบุ
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การลาออกถือเป็นวาทกรรมทางการเมืองที่ผู้เสียประโยชน์จะเร่งรัดให้รัฐมนตรีลาออก ทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็นต้องลาออก เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดให้ต้องลาออก กำหนดไว้เพียงว่าให้เป็นรัฐบาลไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ รัฐมนตรีไม่ลาออกก็ไม่ถือว่าขาดจริยธรรมทางการเมือง แต่การลาออกครั้งนี้ ก็ไม่ได้ต้องการสร้างบรรทัดฐานใหม่เพื่อให้รัฐมนตรีคนอื่นๆ ของรัฐบาลรักษาการต้องลาออกตาม เพียงแต่การลาออกครั้งนี้ ทำให้ตนสามารถทำงานการเมืองได้อย่างเต็มที่
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ลำบากใจมาก เพราะพูดเรื่องการเมืองไม่ได้เต็มที่ และทำงานในตำแหน่งก็ไม่เต็มที่เช่นกัน ทั้งๆ ที่ยังมีงานในหน้าที่ที่ยังต้องทำให้สำเร็จอีกมาก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาภาคการส่งออกของไทยที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
"วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายที่จะทำงานในตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ จึงได้เชิญผู้บริหารมาพูดคุย และการลาออกครั้งนี้ ถือเป็นบรรทัดฐานใหม่ทางการเมือง เพราะที่ผ่านมา ไม่มีรัฐมนตรีคนใดลาออกภายหลังจากพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ แต่จะออกภายหลังจากได้รัฐบาลใหม่แล้วทั้งนั้น" นายสนธิรัตน์ กล่าว
แต่จากนี้ไป ตนจะทำหน้าที่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐอย่างเต็มที่ เพราะเคยพูดเสมอว่า ไม่ได้ต้องการทำงานการเมือง หรือหวังรับตำแหน่งทางการเมือง แต่เมื่อเข้ามารับตำแหน่งในรัฐบาลแล้ว เห็นว่าหากประเทศไทยไม่มีพรรคการเมืองที่เป็นความหวัง และเป็นที่พึ่งของประชาชนแล้ว ประเทศไทยซึ่งบอบช้ำมามากแล้ว จะกลับเข้าสู่วังวนเดิมที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ศักยภาพถดถอย และถูกประเทศเพื่อนบ้านแซงหน้าไปหมด ดังนั้น การเมืองแพ้ชนะเป็นเรื่องรอง แต่ที่สำคัญ คือ การทำให้ประเทศเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง และไม่อยากเห็นการเอาชนะทางการเมืองแบบสุดโต่ง
"มั่นใจว่า พรรคพลังประชารัฐ เป็นทางเลือกหนึ่งของประชาชน เพื่อทางออกของประเทศ เพราะเรามีบุคลากร มีนโยบาย มีการบริหารจัดการที่จะสามารถขับเคลื่อนประเทศต่อไปได้" นายสนธิรัตน์กล่าว