พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการสร้างการรับรู้สู่ชุมชน พร้อมปาฐกถาพิเศษเรื่อง"การสร้างการรับรู้สู่ชุมชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน"ว่า การสร้างการรับรู้ที่แท้จริงเป็นสิ่งสำคัญที่จะป้องกันการบิดเบือน ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ทำให้ประชาชนสูญเสียโอกาสในการเข้าถึงและรับการช่วยเหลือจากภาครัฐ เช่น การปฏิรูปที่ดิน การแก้กฎหมายขายฝาก พร้อมย้ำว่าต้องผสมผสานการสื่อสารเข้ากับเทคโนโลยีการสื่อสารยุคใหม่ที่จะเป็นโอกาสเพิ่มการสร้างความเข้าใจกับประชาชนได้มากกว่าที่ผ่านมา
โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดอำเภอ ต้องจับมือร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อช่วยกันทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะบางครั้งสิ่งที่ตนพูดก็ไม่สามารถสื่อสารได้ทั้งหมด ขณะที่เว็บไซต์ต่าง ๆ ของรัฐบาลต้องสื่อสารให้สั้น กระชับ ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อประชาชนจะสามารถรับฟังและเข้าถึงได้ง่าย พร้อมยืนยันว่า การใช้พื้นที่สื่อต่าง ๆ ของภาครัฐ อาทิ หอกระจายข่าว ไม่ได้ใช้เพื่อการหาเสียงแต่อย่างใด แต่ใช้เพื่อการสื่อสารที่เป็นประโยชน์กับประชาชน มากว่าจะกลายเป็นที่ถกเถียงเพื่อสร้างความขัดแย้ง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงนามในหลายเรื่องนั้น เมื่อลงนามแล้วก็ต้องลงมือทำ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนในแต่ละหน่วยงาน และต้องช่วยรัฐบาลอธิบายการดำเนินการต่าง ๆ ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลแก้ปัญหาไปจำนวนมาก และพร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา
ทั้งนี้ การลงพื้นที่หรือการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจรนั้น ก็เพื่อชี้แจงการทำงานของรัฐบาล พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะโดยตรงจากประชาชน และยืนยันว่าไม่ได้มีการประชุม ครม.สัญจรในทุกสัปดาห์ตามที่มีกระแสข่าว นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงการแก้ปัญหาฝุ่นละอองว่า ในวันนี้ค่าฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพฯ ดีขึ้น แต่ในต่างจังหวัดยังมีค่าฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจที่ต้องแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพราะปัญหาฝุ่นอาจมีผลกระทบร้ายแรงต่อเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้เป็นโรคภูมิแพ้ หลายคนตำหนิว่ารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ตรงจุด แต่การแก้ปัญหาของรัฐบาล ก็ช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองหลายอย่าง ไม่เฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็กเท่านั้น
ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปัญหาหลายเรื่อง โดยเฉพาะปัญหาการจราจร ที่ต้องดูในระยะยาว ทั้งเรื่องระบบขนส่ง พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลดำเนินการทุกด้านโดยผ่านการคิดอย่างรอบคอบ ซึ่งถ้าทุกคนมีความร่วมมือก็จะแก้ปัญหาได้ และขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยต้องดูที่ต้นตอการเกิดปัญหา ตรวจสอบสภาพรถยนต์ การปล่อยควันดำ การจำกัดการเผาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งเรื่องนี้ต้องสอบถามและทำความเข้าใจกับเกษตรกร
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี แนะนำให้ข้าราชการและประชาชนทั่วไป ศึกษาและน้อมนำ "หลักราชการ" ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ไปเป็นแนวทางปฏิบัติงานและดำเนินชีวิต เพื่อประโยชน์ต่อตนเองและประเทศชาติ โดยหลักราชการ 10 ข้อ ประกอบด้วย 1. ความสามารถ 2.ความเพียร 3.ความมีไหวพริบ 4.ความรู้เท่าถึงการณ์ 5.ความซื่อตรงต่อหน้าที่ 6.ความซื่อตรงต่อคนทั่วไป 7.ความรู้จักนิสัยคน 8.ความรู้จักผ่อนผัน 9.ความมีหลักฐาน 10.ความจงรักภักดี
นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า พระราชนิพนธ์เรื่อง "หลักราชการ" ของรัชกาลที่ 6 มุ่งเน้นให้สติผู้ที่มีวิชาความรู้หรือการศึกษาสูง ว่าควรต้องมีคุณวิเศษหรือคุณธรรมความดีงามทั้ง 10 ข้อดังกล่าวประกอบกันด้วย จึงจะทำให้เจริญก้าวหน้าและเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมทั้งแนะนำให้ทุกคนไปศึกษาเรียนรู้ได้จากทั้งหนังสือที่เป็นรูปเล่มและหนังสือออนไลน์ และนำไปประยุกต์ใช้จริงในชีวิต