พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการตัดสินใจตอบรับคำเชิญในบัญชีการเสนอรายชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า จะตัดสินใจเรื่องดังกล่าวในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ (8 ก.พ.) ประมาณ 09.00 - 10.00 น.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ จะมีปัจจัยอื่นประกอบการตัดสินใจด้วยหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดูความร่วมมือต่าง ๆ ด้วยว่าทุกคนจะต้องร่วมกันทำใหม่ ทำในสิ่งที่ดีขึ้น หลายอย่างก็ต้องดูในเรื่องกระบวนการยุติธรรม ใครไม่มีความผิดอะไรต่าง ๆ ก็ร่วมได้หมด เพราะเราก็เป็นมิตรกับทุกพรรค ไม่ให้ร้ายใคร
ส่วนกรณีที่หากถึงจุดหนึ่ง พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี จะขัดข้องหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ถ้าจะเสนอ 10 คนก็ไม่ว่าอะไร แต่ไม่อยากให้มีการต่อรองกันไปกันมา น่าเบื่อ ทั้งนี้ ไม่รู้สึกกังวลหากต้องร่วมงานกับพรรคที่มีนักการเมืองร่วมด้วยจำนวนมาก เพราะการเมืองก็เป็นการเมือง แต่อยู่ที่วิธีบริหารจัดการมากกว่า ถ้านายกรัฐมนตรีเป็นคนที่มีคุณธรรม ก็มีอำนาจหน้าที่ในการทำงาน ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ส่วนในอนาคตหากได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะกังวลต่อการถูกซักฟอกในสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ย้อนถามว่า จะซักฟอกเรื่องอะไร เพราะยังไม่ได้ทำอะไรผิด แต่หากมีการซักฟอก ก็อาจเป็นเพราะมีความไม่เข้าใจ และถ้าสามารถชี้แจงได้ ก็จบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาลตามปกติ เพียงแต่วันนี้ไม่ได้มีวาระงาน โดยเวลา 11.30 น. นายกรัฐมนตรีได้ไปที่ตลาดนางเลิ้ง เพื่อรับประทานอาหารกลางวันและพบปะประชาชน โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้มาซื้อกับข้าวและกินข้าวกลางวันที่ตลาดนางเลิ้ง ซึ่งการเดินไปตลาดนางเลิ้งวันนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีสามารถเดินทางไปที่ไหนก็ได้ และจากการพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดนางเลิ้ง ได้มีข้อเสนอให้ช่วยจัดสร้างที่จอดรถ เพื่อรองรับสำหรับลูกค้าที่เดินทางมาจับจ่ายซื้อของที่ตลาดนางเลิ้ง
โดยระหว่างการเดินได้ซื้อของกิน ทั้งอาหารคาวและหวานในตลาด นายกรัฐมนตรีได้รับฟังปัญหาการขายของสินค้าพ่อค้าแม่ค้า โดยเฉพาะพ่อค้าขายไก่พะโล้ และเป็ดพะโล้ ที่บอกนายกรัฐมนตรีว่าขายของซบเซามากกว่า 2 ปีแล้ว และต้องการให้นายกรัฐมนตรีมีมาตรการช่วยเหลือ ซึ่งนายกรัฐมนตรีรับทราบปัญหา พร้อมถามถึงสาเหตุ ขณะเดียวกันแนะให้มีการปรับตัวด้วยการขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ เนื่องจากการขายสินค้าในช่องทางดังกล่าวขณะนี้มีการเติบโตมากขึ้นถึง 70%