พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ข้าว กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้(26 ก.พ.) จะเสนอร่างพ.ร.บ.ข้าวเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลังจากได้มีการตรวจทานและปรับแก้ร่างตามความเห็นของฝ่ายต่างๆ แล้ว ซึ่งเชื่อว่าเมื่อผ่านความเห็นชอบน่าจะเป็นที่พอใจเพราะพยายามนำความเห็นจากทุกฝ่ายทั้งชาวนาและนักวิชาการมาปรับแก้ ส่วนพันธุ์ข้าวที่มีความกังวลก็ไม่ได้บังคับที่จะต้องมารับรองโดยจะมารับรองหรือไม่ก็ได้
สำหรับร่าง พ.ร.บ.ข้าว ที่ได้ปรับแก้ตามแนวทางที่เหมาะสม และเขียนเป็นภาษากฎหมายให้ชัดเจนมากขึ้น คือ ยกระดับคณะกรรมการนโยบายและจัดการข้าว ในมาตรา 6 โดยมีผู้แทนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เป็นชาวนา 5 คนอยู่ในสัดส่วนกรรมการที่มี 14 คนและกำหนดอำนาจหน้าที่ไว้ในมาตรา 12 ให้พิจารณาหลักเกณฑ์และวิธีการสนับสนุนและช่วยเหลือแก้ปัญหารวมถึงพัฒนาด้านต่างๆของชาวนาตลอดจนผู้เกี่ยวข้องและสนับสนุนการรวมกลุ่มของชาวนาเพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนพร้อมกำหนดระบบประสานติดตามกำกับดูแลเพื่อให้แผนงานโครงการและมาตรการต่างๆบรรลุได้จริงตามที่กำหนดไว้
นอกจากนี้ในมาตรา 21 ยังให้จัดทำเขตศักยภาพการผลิตข้าวทั้งประเทศ หรือจัดโซนนิ่งภายใน 3 ปี ให้ภาครัฐเข้ามาดูแลช่วยเหลือทั้งผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการปลูกข้าวและพื้นที่ที่ไม่มีความเหมาะสม และต้องไม่เป็นการขัดขวางหรือมีผลกระทบต่อการพัฒนาพันธุ์ข้าวตามวัฒนธรรมหรือวิถีชุมชนเกษตรกรรมพื้นบ้านแบบแผนเกษตรกรรมเชิงนิเวศหรือความหลากหลายทางชีวภาพของพันธุ์ข้าว
รวมถึงให้มีการดูแลสนับสนุนส่งเสริมในเรื่องคุณภาพมาตรฐานเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ระบุไว้ในมาตรา 27 /1- 27 /5 โดยให้กรมการข้าวตรวจสอบและรับรองว่าพันธุ์ข้าวนั้นเป็นพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพแต่ไม่บังคับแก่พันธุ์ข้าวพื้นเมืองเฉพาะถิ่น พันธุ์ข้าวพื้นเมืองทั่วไป พันธุ์ข้าวใหม่ที่ชาวนาเป็นผู้ปลุกเองหรือให้ผู้อื่นใช้เพาะปลูกและไม่ได้ตัดสิทธิ์ส่วนบุคคลที่จะยื่นคำขอให้เป็นพันธุ์ข้าวรับรองโดยสมัครใจ ส่วนในกรณีเร่งด่วนที่เกิดการแพร่กระจายของเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ไม่ได้คุณภาพที่จะสร้างความเสียหายต่อชาวนาและเศรษฐกิจของประเทศอธิบดีกรมการข้าวโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการอาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ระงับการจำหน่ายได้ นอกจากนี้ให้มีการส่งเสริมช่วยเหลือสนับสนุนให้ชาวนาใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีมีคุณภาพการตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าวกรมการข้าวจะมอบหมายให้ผู้มีคุณสมบัติตรวจสอบ
นอกจากนี้ ให้คณะอนุกรรมการ นบข. จัดทำฐานข้อมูลข้างอย่างครบวงจรรวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบและเฝ้าระวังการซื้อขายข้าวเปลือกโดยไม่ชอบด้วยกฏหมายสร้างความเป็นธรรมในระบบการรับซื้อข้าวเปลือกของชาวนาจึงให้มีการออกใบรับซื้อข้าวเปลือกซึ่งคณะกรรมการจะกำหนดให้แตกต่างกันตามประเภทของผู้รับซื้อหรือลักษณะของการรับซื้อรหัสยกเว้นระหว่างชาวนาในระดับชุมชนตามความจำเป็นโดยให้กรมการข้าวนำไปใช้ประโยชน์ในการจัดทำฐานข้อมูล และเพิ่มมาตรการเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ
"หลักการของร่างพ.ร.บ.ข้าว มุ่งเน้นไม่ให้กระทบต่อการประกอบอาชีพของชาวนา แต่จะเพิ่มประสิทธิภาพของกลไกภาครัฐ ในการขับเคลื่อนนโยบาย ส่งเสริม พัฒนาชาวนา รวมถึงภาคการผลิตและภาคการตลาดให้มีความเข้มแข็ง ให้ผลผลิตข้าวมีคุณภาพ มีมาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ และสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น"พล.อ.มารุต กล่าว