เลือกตั้ง'62: "ประยุทธ์"สัญญาสานต่อภารกิจให้เสร็จสิ้นหากกลับมาเป็นนายกฯ พร้อมดึงฝ่ายการเมืองเข้าเสริมทีม

ข่าวการเมือง Monday March 11, 2019 18:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างร่วมรับฟังการบรรยายของ Salim Ismail นักธุรกิจและนักเขียนด้านเศรษฐกิจที่มีชื่อเสียงว่า สิ่งที่รัฐบาลได้ทำมาในช่วง 4-5 ปีก่อนกำลังจะผลิดอกออกผล สิ่งที่ลงทุนจะเกิดอีก 5 ปีข้างหน้า

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่อยู่ตรงนี้ต้องใช้อำนาจเด็ดขาดแต่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง ต้องทำงานแบบพลังประชารัฐ ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรคใดทั้งสิ้น เพราะพลังประชารัฐเกิดมาก่อน สิ่งสำคัญในวันนี้คือ ความร่วมมือของทุกคนและที่กังวลคือเศรษฐกิจระดับล่าง ซึ่งคนที่เป็นผู้นำต้องช่วยกันขับเคลื่อนให้ทุกคนพยายามเดินไปข้างหน้า เพราะถ้าไม่เริ่มก้าวแรก ก้าวต่อไปก็ไปไม่ได้ อาจหกล้ม

วันนี้เดินมาหลายอย่างแล้วและคิดว่าไม่ควรจะกลับไปที่เดิม ตนเองไม่ได้บอกทุกอย่างดีหมด แต่สัญญาว่าถ้ามีโอกาสได้ทำต่อไป เช่น ในอีก 3-4 เดือนข้างหน้าจะทำให้มากและทำให้ดีที่สุด นั่นคือสัญญา หลังจากอยู่ในหน้าที่มา 5 ปีแล้วและสิ่งที่พูดวันนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง

"วันนี้ทุกอย่างจำไว้ต้องเดินก้าวแรกเสมอ ซึ่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ถือเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้ทำอนาคตให้พวกท่าน เพื่อให้ทุกคนได้มีอนาคต ผมอาจจะเป็นคนเสียงดังโวยวาย แต่ผมทำและรับผิดชอบ และต้องทำให้สำเร็จ ถ้าไม่สำเร็จกลับบ้านไม่ได้ คำว่ากลับบ้านไม่ได้ หมายถึงถ้าอยู่สนามรบ อยู่ชายแดน ถ้ามีรบ ถ้าแพ้กลับบ้านไม่ได้ตายอย่างเดียว วันนี้เราไม่ได้สู้กับใคร เราต้องหยุดความขัดแย้งให้ได้ อย่าไปใช้อารมณ์

หลายคนบอกว่าช่วงนี้นายกฯเปลี่ยนไป ผมไม่เคยเปลี่ยน ผมทะเลาะกับนักข่าวเท่านั้น เพราะคำถามของเขา ผมไม่เคยทะเลาะกับใคร อย่ารังเกียจผมนักเลย บางครั้งคนเรา ถ้าเป็นตัวตนอย่าไปบิดเบือนมาก บางครั้งผมก็เป็นศิลปินบ้าง โมโหบ้าง แต่วันนี้พอลุคใหม่ก็มองว่าไม่ใช่ตัวตน ซึ่งบางครั้งผมก็อยากจะหล่อเหมือนกันไม่ใช่หรือ หลายคนก็แต่งเนื้อแต่งตัวให้สบายๆ ผมก็อยากเป็นบ้าง ให้อภัยผมเถอะ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางมาร่วมงานวันนี้ เนื่องจากติดตามผลงานของนายซาลิม ซึ่งเป็นนักธุรกิจและนักเขียนด้านเศรษฐกิจชื่อดัง เพราะการทำงานทั้งหมดในทุกวันนี้ บางอย่างก็เอาความรู้มาจากตำราและผู้มีความรู้ต่างๆ ซึ่งจากการที่ได้พูดคุยกับนายซาลิม ทำให้รู้ว่านายซาลิมมีความชื่นชมในประเทศไทย เพราะเห็นถึงศักยภาพของไทย เพียงแต่ต้องจัดระบบให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนภาคการเกษตร เช่น การลดต้นทุนและเกษตรแปลงใหญ่ และย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร ซึ่งสะท้อนผ่านนโยบายต่างๆของรัฐบาลและย้ำว่าการแก้ปัญหาทุกอย่างต้องมีก้าวแรกและที่ผ่านมารัฐบาลก็มีผลงานมากมาย และวันนี้รัฐบาลเร่งรัดให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงโอกาส เช่น การเข้าถึงแหล่งเงินทุน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากนี้ไปไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่คิดว่าจะมีคนที่นำพาประเทศชาติไปข้างหน้า ด้วยความรับผิดชอบด้วยจิตสำนึกในหน้าที่ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อทำในสิ่งที่มีวัตถุประสงค์อย่างอื่น ซึ่งยืนยันว่าไม่คิดแบบนั้น จึงฝากให้ทุกคนช่วยคิด และให้คนรุ่นเก่า คนรุ่นกลาง และคนรุ่นใหม่ ร่วมเดินหน้าไปด้วยกัน ทั้งนี้คนรุ่นเก่า เช่น ตนเองต้องช่วยกันสร้างอนาคตและชีวิตที่ดีกว่าให้คนรุ่นหลัง และประชาชนที่ลำบาก จึงขอให้นักการเมืองคิดยโยบายในลักษณะนี้ออกมาบ้าง ไม่ใช่พูดเฉพาะเรื่องการที่จะให้แต่เพียงอย่างเดียว แต่ทั้งนี้ตนเองก็ไม่ขอวิจารณ์ความคิดคนอื่น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่ตนเองได้ให้สัญญาบนเวทีว่าหากในอนาคตอีก 3-4 เดือนข้างหน้าได้กลับมาทำหน้าที่อีก ก็จะพยายามทำให้ประสบความสำเร็จ ส่วนทีมงานที่จะมาช่วยกันนั้นก็จะต้องคัดสรร และไม่สามารถใช้ทีมเดิมได้ทั้งหมด ซึ่งจะมาจากฝ่ายการเมืองด้วย แต่ก็จำเป็นที่จะต้องเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มตามหน้าที่ในการขับเคลื่อนงานต่างๆ และต้องทำทุกอย่างให้อยู่ในกรอบได้มากที่สุด เพราะทุกอย่างมีกรอบกฎหมายดูแลอยู่ ส่วนเรื่องการเมืองก็ว่ากันไปในเรื่องการเมือง ซึ่งหากตนเองได้ทำหน้าที่ก็จะต้องดูแลทุกอย่างให้ได้

"ผมก็สัญญาว่าถ้าจากนี้ไปผมก็ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น แต่ผมคิดว่ามันต้องมีคนนำพาประเทศชาติไปด้วยความรับผิดชอบ ด้วยจิตสำนึก ด้วยหน้าที่ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ผมไม่เคยคิดแบบนั้น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่การเลือกตั้งในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนทั้งในและต่างประเทศ ส่วนที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้างเป็นเรื่องที่ กกต.ต้องแก้ไขต่อไป ขณะเดียวกันต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่เนื่องจากไม่เคยมีกรณีที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์จำนวนมากขนาดนี้ และขออย่าโทษกันไปมา เพราะที่สำคัญขอให้ทุกอย่างโปร่งใส และเป็นธรรม

ส่วนคำพูดที่ว่า หากเปรียบอยู่ในสนามรบ และภารกิจไม่สำเร็จ ก็จะกลับบ้านไม่ได้นั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ทุกอย่างต้องทำให้สำเร็จ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาด้วยว่าจะสั่งการอย่างไร เพราะหากดูแล้วไม่คุ้มค่าก็อาจจะสั่งให้กลับได้ เพราะตนเองเชื่อมั่นในสายบังคับบัญชาที่ชัดเจน

"ต้องทำให้สำเร็จ แต่ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาสั่งให้กลับหรือไม่ แต่ถ้าผมอยู่ในสนามรบข้างหน้า ภารกิจแรกถ้าไม่สำเร็จ ผมต้องทำให้สำเร็จ ถ้าเขาเสี่ยง ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นความเสี่ยงไม่คุ้มค่า เขาอาจจะสั่งถอน ผมก็ต้องถอน ผมเชื่อมั่นในตรงนี้ ในสายบังคับบัญชาที่ชัดเจน ลูกน้องต้องปลอดภัยให้มากที่สุด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ส่วนที่นักการเมืองให้เลือกจุดยืนสองฝ่ายคือ ฝ่ายเผด็จการกับฝ่ายประชาธิปไตยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา และปล่อยให้เป็นเรื่องของการเมือง และที่นักการเมืองหาเสียงในยุทธศาสตร์ที่มีลักษณะไม่สนับสนุนตนเองนั้น นายรัฐมนตรี ตอบสั้นๆว่า "ไม่สนใจเรื่องนี้"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ