นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ลงพื้นที่ย่านคลองจั่น พร้อมผู้สมัคร ส.ส.เขตบางกะปิ นายตรีรัตน์ จันทรโรภาส เบอร์ 5 ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง โดยได้พบปะประชาชนที่มาออกกำลังกายที่สวนพฤกษชาติ ซึ่งระหว่างคณะนายชัชชาติ เดินทักทายประชาชนได้พบกับนายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ หรือไอติม ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ได้ลงพื้นที่หาเสียงเช่นเดียวกัน ซึ่งคณะหาเสียงทั้ง 2 พรรคได้กล่าวทักทายและจับมือกันก่อนแยกย้ายกันเดินหาเสียง
นายชัชชาติ กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐออกมาระบุถึงการจับมือตั้งพรรคร่วมรัฐบาลว่า ตัวแปรสำคัญคือ ส.ว สรรหา 250 คน แต่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคว้าคะแนนเสียงอันดับ 1 อยู่แล้ว และต้องเป็นตัวหลักในการหาพันธมิตรมาจับมือกัน ซึ่งถ้ารวมกันได้ 376 เสียง ก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องส.ว. 250 เสียง และมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะคว้าเสียงข้างมากและเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลได้ และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยมีแนวร่วมอุดมการณ์ที่ยึดมั่นและเคารพเสียงของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย
สำหรับแนวทางการปราศรัยใหญ่ในวันนี้ เวลา 16.00 น. ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดงว่า พรรคเพื่อไทย จะมุ่งเน้นในการทำความเข้าใจกับประชาชนว่า เหตุใดต้องเลือกพรรคเพื่อไทยอย่างถล่มทลาย และให้พรรคเพื่อไทยเข้าไปคานอำนาจส.ว. เพราะนั่นคือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้แสดงจุดยืนไว้ชัดเจนอยู่แล้ว
"ทุกคนคงไม่อยากให้ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง มีเสียงเหนือมติประชาชนได้ และเห็นว่าการเมืองมันคือเรื่องยาวๆ ถ้าใครไปอยู่กับส.ว.ก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง ว่าเรายึดมั่นในมติประชาชนหรือไม่" นายชัชชาติ กล่าว
สำหรับการแข่งขันในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองมียุทธศาสตร์อยู่แล้ว ก็ขอให้สู้กันอย่างเต็มที่ สำหรับบางพรรคจะเปิดหน้าหรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเองว่าตลอด 5 ปีที่ผ่านมาชอบไม่ชอบ
ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยจะเร่งปัญหาเศรษฐกิจเป็นนโยบายนำของพรรค เพราะทุกอย่างล้วนเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจ ตลอดจนถึงการแก้งบประมาณด้านความมั่นคง
นายชัชชาติ ยังแสดงความกังวลต่อเรื่องผู้พิการทางในการใช้สิทธิ์เลือกตั้งว่า ต้องฝากให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)หามาตรการอำนวยความสะดวกต่อผู้พิการ เพราะเห็นว่าทุกคนต้องได้รับการปฏิบัติและให้สิทธิอย่างเท่าเทียม ตามหัวใจสำคัญของประชาธิปไตยคืออิสระและเท่าเทียมกัน