นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) แนะรัฐบาลเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนกลับมาด้วยการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องของพลังงาน, หนี้สินประชาชน และมาตรการกันสำรอง โดยเสนอให้มีการยกเลิกการเรียกเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำมันดีเซล และแก๊สโซฮอล์เข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อลดต้นทุนด้านการขนส่ง
"ภาวะอย่างนี้รัฐบาลเลิกเก็บฯ ตรงนี้ของให้รัฐมนตรีนำไปพิจารณา ซึ่งผมยืนยันว่าไม่เป็นการแทรกแซงกลไกตลาด" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนกรณีของก๊าซหุงต้ม(LPG) ที่มีแนวคิดจะลอยตัวนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าววว่า ก๊าซหุงต้มส่วนใหญ่เป็นทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจหรือองค์กรหนึ่งองค์กรใด ดังนั้นประชาชนในฐานะที่เป็นเจ้าสมบัติร่วมกันควรมีสิทธิที่จะได้ใช้ก๊าซหุงต้มในราคาที่ถูก แต่จะจำกัดการใช้ที่อยู่นอกเหนือจากการหุงต้มนั้นก็ทำได้หากเกรงว่าจะก่อให้เกิดความสิ้นเปลืองจนปริมาณก๊าซหุงต้มที่ผลิตได้ไม่เพียงพอ และยังรวมไปถึงการดูแลค่าไฟฟ้าเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบมากนัก
"เหมือนกับหลายประเทศที่มีน้ำมันเป็นของตัวเอง เขาไม่คิดขายน้ำมันให้กับคนของเขาในราคาที่ขายให้กับคนอื่น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป.ยังเรียกร้องให้รัฐบาลมีความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายดูแลการเคลื่อนย้ายเงินทุน อันได้แก่มาตรการกันสำรอง 30% ที่ทุกพรรคการเมืองต่างหาเสียงไว้ว่าจะมีการยกเลิกทันทีหากเข้ามาเป็นรัฐบาล แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติแม้ รมว.คลัง จะได้ไปหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)แล้ว จึงอยากให้มีการหารือภายในให้ได้ข้อยุติก่อนที่จะเป็นข่าว
"มีการพูดถึงระยะเวลา 2 เดือน ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าหมายถึงว่าจะตัดสินเรื่องนี้ภายในอีก 2 เดือน หรืออีก 2 เดือนจะยกเลิก...แต่จากวันนี้ไปอีก 2 เดือน คนในวงการยังต้องกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าจะยกเลิกหรือไม่ยกเลิก" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลยืนยันความเป็นอิสระในการทำงานของ ธปท.ใน 2 ส่วน คือ การกำกับดูแลสถาบันการเงิน และไม่ทำลายวินัยในการดูแลเงินเฟ้อ แต่ไม่ได้หมายความว่า นโยบายการเงินกับนโยบายการคลังจะแยกเป็นอิสระออกจากกัน ซึ่งหากมีการประสานความร่วมมือและกำหนดหน้าที่ที่ชัดเจนจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--