พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเพื่อสู้กับปัญหาทั้งภายในและภายนอกประเทศ แทนการสร้างความขัดแย้งและความไม่ชัดเจน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความเกลียดชังกันเอง และทำให้ปัญหาย้อนกลับไปที่เดิม พร้อมทั้งขอให้เชื่อใจว่าไม่ได้เข้ามารับหน้าที่นายกรัฐมนตรีเพราะต้องการอำนาจหรือแสวงหาผลประโยชน์
"ถ้ามัวแต่ทะเลาะกัน ผมเองทำอะไรไม่ได้ ขอให้เชื่อผมบ้าง กลายเป็นว่าเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งไม่ได้สาระ พูดกันได้ทุกวัน ทำให้สังคมระอุ ตรงกันข้ามขณะที่ผมทำเพื่อประเทศแต่มีกลุ่มคนจ้องทำลาย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่มีการกล่าวหาว่าบุคคลในรัฐบาลกระทำทุจริตผิดกฎหมาย หากมีหลักฐานชี้แจงได้ก็จบ ถ้าชี้แจงไม่ได้ก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ฉะนั้น การพูดกันไปมา และไม่มีความชัดเจนจะเป็นการสร้างความเกลียดชังกัน ซึ่งเวลานี้ไม่ใช่เวลามาสร้างความเกลียดชังภายในชาติ แต่ควรจะรวมพลังงานกันต่อสู้ปัญหา แต่ถ้าสู้กันไปมาจะแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้สักอย่าง
รัฐบาลแก้ปัญหามาโดยตลอด แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ บางอย่างได้ผล บางอย่างไม่ได้ผลเพราะบังคับไม่ได้ เป็นเรื่องประชาชน วันนี้ตนเองพยายามทำดีที่สุดในการแก้ปัญหา คิดตลอดไม่มีวันหยุด ไม่ได้นิ่งนอนใจ ไม่ได้ฟังรายงานจากข้าราชการอย่างเดียว จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันสร้างประเทศมากกว่าที่จะช่วยทำลายซึ่งกันและกัน
"เรื่องผิดถูกให้ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าพูดและไล่กันไปมาแบบนี้ไม่เกิดประโยชน์ ไม่ว่าคนที่สนับสนุนหรือต่อต้าน เพราะคนกว่า 60 ล้านคนคือคนที่เสียประโยชน์ อยากจะบอกว่าพอเถอะ ขอให้มาช่วยกันฟังว่ารัฐบาลจะทำอะไรให้กับประเทศ ถ้าไม่พอใจบอกมา รัฐบาลพร้อมจะแก้ไข อย่าใช้ทุกเวทีเป็นเวทีดิสเครดิตกันไปมา เพราะบางเรื่องยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ เชื่อไม่มีใครกล้าเข้าข้างตนเอง เพราะถ้าหากผิดไม่มีใครช่วยได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สำหรับเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังอยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่มาทะเลาะกันผ่านสื่อ และก็ไม่เข้าใจว่าจะเปิดประเด็นทำไม เพราะรัฐบาลไม่ได้ขัดข้องอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีใครทำถูกและทำผิดทั้งหมด แต่ถ้าผิดกระบวนการยุติธรรมต้องตัดสิน ประเทศอยู่ได้ด้วยกระบวนการยุติธรรม คดีใดๆเมื่อศาลตัดสินแล้วต้องยุติ ไม่ใช่วิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะเขียนอย่างไรก็ไม่พอใจ ดังนั้นขออย่าเอามาทะเลาะกันอีก
"สื่อวิพากษ์วิจารณ์ผมมาห้าปีเต็มๆ ผมไม่เคยไปยุ่งหรือรังแกสื่อ แต่ถ้าไม่ยึดกฎหมาย ประเทศก็ไม่ใช่ประเทศ ที่ผ่านมาต้องเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำให้สมองหายไปกว่าครึ่ง ผมก็เคารพด้วยการเข้ามาในระบอบประชาธิปไตย เพราะทุกคนเข้ามาด้วยระบอบประชาธิปไตย วันนี้ทุกคนลืมไปหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย อยากให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะเดินไปข้างหน้า หรือจะอยู่กับที่ หรือจะรื้อทั้งหมดกลับไปสู่อดีตก็เชิญ ผมทำเต็มที่ได้แค่นี้"