โฆษกอนาคตใหม่ ยัน"ธนาธร-ไพรัฐโชติก์"ไป สน.ปทุมวัน รับทราบข้อหาจัดแฟลชม็อบ 10 ม.ค. ห่วงคุกคามจัด"วิ่งไล่ลุง"

ข่าวการเมือง Monday January 6, 2020 17:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ยืนยันว่า ในวันที่ 10 ม.ค.นี้ เวลา 10.00 น.นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมทั้งนายไพรัฐโชติก์ จันทรขจร สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ จะเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ตามหมายเรียกในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ กรณีจัดการชุมนุม"แฟลชม็อบ"บนสกายวอล์คสีแยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา

"ทั้งสองคนจะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวันในวันที่ 10 มกราคมที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน โดยการรับทราบข้อกล่าวหาครั้งนี้เป็นการไปตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมายเท่านั้น แต่เรายังคงยืนยันว่าสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกทางการเมือง เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกคนที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560" น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

โฆษกพรรค อนค.ยังแสดงความกังวลถึงการคุกคามการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนในกรณีที่มีการออกหมายเรียกบุคคลต่างๆ ให้เข้ารับทราบข้อหาตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และการจัดกิจกรรม "วิ่งไล่ลุง" ในจังหวัดต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 ม.ค.นี้ ซึ่งมีการจัดกิจกรรมดังกล่าวในหลายจังหวัด โดยผู้จัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในกรุงเทพฯ ถูกคุกคามด้วยการไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกในการจัดกิจกรรม ซึ่งเป็นกิจกรรมในรูปแบบที่สงบสันติ เป็นการแสดงออกที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ซึ่งต่อมาได้มีการร้องเรียนคณะกรรมาธิการกฎหมายและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบถามก็ได้รับคำยืนยันว่าสามารถจัดกิจกรรมดังกล่าวได้ตามกฎหมาย

"ที่ผ่านมาการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในหลายจังหวัดกลับมีการคุกคามผู้จัดกิจกรรม ถูกติดตามโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดพะเยา ที่มีการเรียกผู้จัดกิจกรรมไปพบ และไม่อนุญาตให้มีการจัดกิจกรรม โดยบอกว่าผู้จัดไม่ได้ขออนุญาตสถานที่หลายสถานที่ รวมทั้งที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้ติดเครื่องหมายชั้นยศแสดงตนสังกัดที่ชัดเจนเรียกผู้จัดกิจกรรมพบถึงสองครั้ง พร้อมมีคำพูดข่มขู่จากเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ระบุว่า คงพอรู้นะว่าพื้นที่นี้เป็นของใคร" น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

โฆษกพรรค อนค. กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนราษฎรขอยืนยันว่าพื้นที่สาธารณะทุกแห่งในประเทศไทยเป็นพื้นที่ของประชาชนคนไทยทุกคนที่เป็นเจ้าของประเทศ และตราบใดที่กิจกรรมที่ทำไม่ได้ขัดต่อกฎหมายและขื่อแปของบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจย่อมไม่มีสิทธิไปคุกคาม และยังต้องอำนวยให้กิจกรรมเหล่านั้นเกิดขึ้นอย่างสะดวกเรียบร้อยและปลอดภัย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ