พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า ในวันนี้รัฐบาลได้มีการประชุมในเรื่องของเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญเป็นอันดับแรกในขณะนี้ เนื่องจากทั้งไทยและทุกประเทศต่างได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยนายกรัฐมนตรี ได้พูดกับสื่อสาธาณะของประเทศอังกฤษที่มารวมฟังการแถลงข่าวด้วยว่าประเทศอังกฤษก็ได้รับผลกระทบนี้เช่นกัน แต่ขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็มีปัญหาทางการเมืองด้วย ดังนั้นยืนยันว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาทั้ง 2 มิตินี้ให้ดีที่สุด
ส่วนการประชุม สมช.วันนี้ไม่ได้หารือเฉพาะประเด็นการชุมนุมที่มีอยู่ในขณะนี้เท่านั้น เพราะเราต้องมองถึงการเดินหน้าเศรษฐกิจ การป้องกันด้านสุขภาพของประชาชน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขับเคลื่อนประเทศในระยะที่ 2 ตามมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 7 ซึ่งได้มีการสอบถามเรื่องนี้กับฝ่ายความมั่นคงว่ามีความพร้อมอยู่ในระดับใด
นายกรัฐมนตรี ยังระบุถึงการดูแลการชุมนุมว่า เข้าใจในเรื่องนี้ ถือว่าเป็นหลักการของประชาธิปไตยในทุกประเทศ ซึ่งหลายคนอาจมองถึงที่มาของตน โดยเฉพาะการพูดถึงเรื่องของเผด็จการ ดังนั้นจึงต้องย้ำว่าวันนี้รัฐบาลมาด้วยกระบวนการประชาธิปไตย ส่วนการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องพูดคุยกันต่อไป ขอเพียงอย่าก้าวล่วงสถาบัน แต่เชื่อว่าหลายประเทศคงเคยเผชิญปัญหาต่างๆ มาเหมือนกัน
สิ่งที่กังวลในขณะนี้ คือ ไม่ว่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ก็กังวลกับเรื่องของความวุ่นวายที่เกิดขึ้น และหากมีคนที่ต้องการให้เกิดสถานการณ์และเจ้าหน้าที่ต้องบังคับใช้กฏหมาย จนทำให้เกิดความไม่สงบ ทุกอย่างก็จะวนกลับไปเหมือนสถานการณ์ที่เคยผ่านมา ดังนั้นขอให้ทุกคนมองถึงอนาคตของชาติเป็นหลัก
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เด็กคือผู้บริสุทธิ์ แต่บางส่วนอาจถูกชักนำ ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนเห็นแก่อนาคตของเด็กด้วย ทั้งนี้ เห็นว่าข้อเรียกร้องมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่าเรื่องใดที่ทำได้จะดำเนินการให้ แต่เรื่องใดที่เป็นไปไม่ได้ เช่น ยกเลิกไหว้ครู หรือ การไม่เคารพผู้ใหญ่สังคม ก็เชื่อว่าจะทำให้สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา และสถาบันอื่นๆ ได้ผลกระทบจึงตั้งข้อสังเกตว่าหากคนอื่นเป็นรัฐบาลในขณะนี้จะทำอย่างไร
พร้อมทั้งขอให้สื่อใช้วิจารณญาณในการนำเสนอข่าวเหล่านี้ เพื่อไม่ให้ถูกมองว่ามีการขยายวงกว้างออกไป เพราะที่จริงแล้ว รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแสดงความเห็น ไม่ว่าจะเป็นเพียงคนเดียว หรือการรวมเป็นกลุ่ม และไม่ต้องการให้กลุ่มที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ใช้สถานการณ์นี้เป็นประโยชน์ จนทำให้เด็กต้องกลายเป็นกันชน ดังนั้นขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะจะไม่ใช้กฏหมายพิเศษดูแลการชุนนุม แต่จะใช้เพื่อดำเนินการด้านสาธารณสุขเท่านั้น
พร้อมย้ำว่า จะให้ประเทศเกิดความขัดแย้งไปถึงในระดับครอบครัวไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงประเทศจะล่มสลาย จะเกิดการจราจล ซึ่งไม่อยากให้ประเทศเดินไปถึงจุดนั้น สื่อและประชาชนต้องช่วยกันในเรื่องนี้
นายกรัฐมนตรี ยังตอบคำถามสื่อต่างประเทศ กรณีที่นายกฯ เคยระบุว่าจะรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย แต่บนเวทีของนักศึกษา ระบุว่า นายกฯไม่รับฟังข้อเรียกร้องหลายๆ ข้อ รวมถึงเรื่องการปฏิรูปด้วยว่า ในเรื่องของสถาบันนั้น ขอให้เข้าใจว่าสถาบันมีความผูกพันธ์กับประเทศไทยมาโดยตลอด ขณะที่ตนไม่เคยก้าวล่วง หรือสนับสนุนการเคลื่อนไหวในไทยเพื่อต่อต้านประเทศอื่น โดยยืดหลักต่างประเทศที่สมดุล ขณะที่การปฏิรูปทั้ง 6 ด้าน ก็ดำเนินไปอยู่แล้ว
พร้อมกล่าวว่า แม้ไม่ได้ไปพบกับแต่ละกลุ่ม แต่ก็รับฟังความคิดเห็นทุกช่องทาง เพื่อแก้ปัญหาไม่ให้บานปลาย และเข้าใจทุกการชุมนุมย่อมมีเป้าหมาย และเกิดขึ้นมากว่า 10 ปี และไม่ใช่ทุกคนจะมีแนวคิดเดียวกับการชุมนุม จีงต้องรับฟัง หาทางออก ตอบคำถามทุกคำถามของประชาชน
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่าไม่อยากให้มีการแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งประเทศ จึงขอให้ทุกคนเคารพอัตลักษณ์ของไทยที่มานานนับหลาย 100 ปี ซึ่งถือเป็นพื้นฐานของคนไทยทั้งประเทศ และทุกประเทศเคยมีสถาบันที่ก่อตั้งประเทศมาก่อน