นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์และแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ได้นำรายงานผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ มอบให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยประธานสภาฯ คาดว่าจะส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและบรรจุเข้าระเบียบวาระในการพิจารณาวันที่ 10 ก.ย. ต่อจากเรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วที่บรรจุไว้ ซึ่งหากสภาต้องการพิจารณาก็สามารถเสนอเลื่อนขึ้นมาได้
สำหรับรายงานทั้งหมดมี 150 หน้า และยังมีบันทึกความเห็นของแต่ละฝ่ายรวมทั้งภาคผนวกที่นำรายงานของคณะอนุกรรมาธิการ 2 คณะ คือชุดของนายไพบูลย์ นิติตะวัน อนุ กมธ.วิเคราะห์บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ รวมถึงกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และชุดของนายวัฒนา เมืองสุข อนุ กมธ.ประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนกว่า 900 หน้า
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า กมธ.ชุดนี้ได้ศึกษาในเชิงวิชาการมองเห็นแง่มุมสองด้านเพื่อให้มีข้อมูลที่เห็นด้วยกับร่างเดิมและข้อมูลที่ต้องปรับปรุงแก้ไข จึงเห็นว่าสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) น่าจะนำผลการศึกษานี้ไปใช้ เชื่อว่าเกิดประโยชน์เพราะเป็นข้อมูลที่เป็นกลางทางวิชาการ พร้อมเหตุผลในการแก้ไข
ด้านนายไพบูลย์ กล่าวว่า ในรายงานได้ศึกษารวมไปถึงพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับ ซึ่งจากการศึกษาเห็นว่ามีหลายส่วนที่ต้องแก้ไข ในส่วนที่ยังไม่กระทบกับรัฐธรรมนูญจะเริ่มเสนอให้มีการแก้ไข และวันนี้จะเริ่มนำข้อมูลที่ศึกษาลงในเว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการฯ และหวังว่า สสร.ที่ตั้งขึ้นมา จะนำรายงานนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์
ขณะที่นายวัฒนา กล่าวว่า มีโอกาสที่จะได้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันและถ้าเป็นไปตามขั้นตอนคาดว่าสิ้นปีหน้า น่าจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จากนั้นก็เชื่อว่าน่าจะมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลที่มาจากประชาชนต่อไป จากนี้ไปจึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันประคับประคองประเทศ เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามครรลอง ซึ่งเชื่อว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
นายโภคิน พลกุล กรรมาธิการฯ กล่าวว่า อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงโดยสันติวิธีและไม่อยากเห็นอะไรที่เกินเลยออกไปโดยที่ไม่รู้ว่าจะจบที่ไหน เพราะจะทำให้บ้านเมืองมีปัญหา จึงอยากให้ทุกฝ่ายรอดูว่า สสร.เดินหน้าไปได้ เพราะตามร่างแก้ไขเพิ่มเติมที่เสนอฝ่ายการเมืองเสนอก็ใช้เวลาไม่นาน ซึ่งก็ต้องคุยกัน ดังนั้น ข้อเรียกร้องต่างๆ ควรสะสมไปให้ สสร. พิจารณาต่อไปและเมื่อยกร่างเสร็จแล้ว ไม่ว่าจะออกมาอย่างไรขอให้ทุกฝ่ายยอมรับ