นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญซึ่งสัญญาณที่ถูกส่งออกมาจากรัฐบาลสับสนมาก ทั้งนี้ในการแก้รัฐธรรมนูญนั้นคนส่วนใหญ่มองว่าหากนายกรัฐมนตรีออกแรงก็ผ่าน ดังนั้นวันที่ 17-18 พ.ย.นี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ และตนอยากเห็นนายกฯและรัฐบาลเป็นผู้นำในการส่งสัญญาณชัดเจนว่าได้ยินข้อเรียกร้องที่สังคมต้องการมีกติกาที่เป็นธรรมและเป็นประชาธิปไตยแบบสากลมากขึ้น
"ตอนนี้ข้อเรียกร้องทั้งหลายยังไม่มีการลดช่องว่างระหว่างแต่ละฝ่ายเลย ทั้งเรื่องการปฏิบัติต่อประชาชน คดีความสะสม เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญก็ยังไม่เห็นสัญญาณ รวมทั้งประเด็นที่เกี่ยวกับสถาบัน ก็ยังไม่มีสัญญาณใดๆเลย จะเอาเรื่องนี้ออกมาจากความขัดแย้งอย่างไร มีแต่ปล่อยไปตามที่เป็นอยู่ ทำให้มีอารมณ์รุนแรงมากขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย และไม่เป็นผลดีต่อสถาบันเลย หากสถานการณ์ยังคงเป็นอย่างนี้ต่อไปความเสี่ยงเกิดความรุนแรงก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งช้าปัญหาก็จะแก้ยากขึ้น จะมีเงื่อนไขใหม่ๆเข้ามาเป็นปมของความขัดแย้งอีก" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับข้อเสนอของผู้ชุมนุมที่แรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นดุลยพินิจที่นายกรัฐมนตรีจะต้องตัดสินใจ แต่ตนเองเห็นว่าข้อเรียกร้องก็มีเรื่องแปลก เพราะการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกหรือยุบสภาตอนนี้ จะเป็นการเอากติกาเดิมมาใช้ และมีความเสี่ยงที่จะวนกลับมาในสถานการณ์นี้อีก แต่ผู้ชุมนุมก็มองว่าการที่นายกรัฐมนตรียังอยู่จะเป็นอุปสรรคที่จะคลี่คลายสถานการณ์ ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจะต้องมีบทบาทมากขึ้นว่าจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างไร
ส่วนความคาดหวังให้สถานการณ์คลี่คลายในเร็ววันนี้ เป็นภาระหน้าที่ของผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง โดยอย่าไปยึดติดรูปแบบกรรมการหรือกลไกเป็นตัวตั้ง เพราะโดยส่วนตัวแล้วกรรมการสมานฉันท์นั้นจะมีทุกฝ่ายเข้าร่วมคงไม่ง่าย และหากจะให้แก้ปัญหาได้ก็จำเป็นจะต้องพิจารณาข้อเรียกร้องให้ครบถ้วน และให้ความมั่นใจว่ากลไกนี้จะสามารถส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหรือมีข้อสรุปในเชิงปฏิบัติได้ เพราะเป็นเรื่องยากที่จะให้ผู้ชุมนุมมาร่วมหากบางเรื่องที่เรียกร้องแล้วไม่ให้แสดงความเห็น หรือเห็นว่ากลไกนี้ทำงานแล้วไม่มีประโยชน์อะไร